สายงานวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มองเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนในช่วงครึ่งหลังของปียังมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างช้าๆ สะท้อนจากดัชนีการลงทุนภาคเอกชนในเดือนกรกฎาคมแม้ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนแต่ยังคงเติบโตต่ำเพียง 1.4% YoY กอปรกับข้อมูลการขออนุญาตประกอบธุรกิจจากต่างด้าวเฉพาะในเดือนสิงหาคมมีมูลค่า 6,840 ล้านบาท ชะลอลงจาก 10,023 ล้านบาท ในเดือนก่อนหน้า และยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 7 เดือนแรกของปีที่ 8,421 ล้านบาท
ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายด้านการลงทุนและความล่าช้าของ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่จะกระทบต่อโครงการลงทุนใหม่ๆ ของรัฐ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยลบจากภาคส่งออกที่หดตัวต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน โดยรวมทั้งปี 2566 คาดว่าการลงทุนภาคเอกชนของไทยจะเติบโตเพียง 2.0% จากขยายตัว 5.1% ในปี 2565
ทั้งนี้ ความกังวลเสถียรภาพทางการคลังของไทยทวีขึ้น ต่างรอความชัดเจนจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยล่าสุด นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังเผยเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีในวันที่ 26 กันยายนนี้ พิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ดิจิทัลวอลเล็ต (ประกอบด้วยหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกด้าน ตั้งแต่กระบวนการทำงาน การใช้จ่ายเงินดิจิทัล กระบวนการตรวจสอบ การป้องกันทุจริตและตรวจสอบ ประเมินผลการทำงาน) เพื่อหวังขับเคลื่อนโครงการได้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567
โดยหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลชุดใหม่เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยปี 2567 ผ่านมาตรการกระตุ้นการบริโภคด้วยนโยบายการแจกดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทต่อคน ด้วยวงเงินสูงถึง 5.6 แสนล้านบาท สร้างความกังวลอาจสร้างภาระทางการคลังที่มีแนวโน้มขาดดุลสูงขึ้น กระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังที่เคยเป็นจุดแข็งของเศรษฐกิจไทย อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการปรับอันดับความน่าเชื่อถือในระยะข้างหน้า ด้านบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือทั้งฟิทช์ เรตติ้ง และมูดี้ส์ เตือนว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่อาจทำให้ระดับหนี้สาธารณะของไทยเพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้ฐานะการคลังอ่อนแอลง จึงบั่นทอนความเชื่อมั่นและเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เงินทุนไหลออกในระยะนี้ โดยในช่วง 22 วันแรกของเดือนกันยายนปีนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ขายสุทธิกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวแตะระดับ 36.32 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสุดในรอบ 10 เดือน