“เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้ากระทรวงในฐานะ “รัฐมนตรีคลัง” ครั้งแรก สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มอบนโยบาย เร่งสรุปแหล่งเงิน Digital Wallet ใน 1 เดือน ย้ำไม่มีการกู้เงิน
วันนี้ (14 ก.ย.) เวลา 13.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางเข้ากระทรวงการคลัง เป็นครั้งแรก โดยมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง และข้าราชการกระทรวงการคลังรอต้อนรับ โดยได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการคลัง ก่อนจะประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหาร และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอยและประชาชนเดือดร้อนมาก โดยกระทรวงการคลังมีหน้าที่สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในทุกเรื่อง ซึ่งในวันนี้ได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารกระทรวงการคลัง 2 เรื่อง
การให้ความสำคัญกับวินัยการเงินการคลัง เนื่องจากการทำนโยบายต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ดังนั้นต้องสามารถตอบได้ว่าจะนำงบประมาณที่ได้ไปใช้ทำอะไร และเงินที่นำไปใช้จะส่งผลต่อจีดีพี หนี้สาธารณะในระยะยาวอย่างไร
วิธีการทำงาน โดยสิ่งที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญคือเรื่องระบบเส้นสายและการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม โดยกระทรวงการคลังเป็นกระทรวงที่บุคลากรมีความสามารถและหลายท่านที่ทำงานมาหลายปีมีความประสงค์ที่ขึ้นตำแหน่งใหญ่ๆ ดังนั้นจึงควรได้รับการปูนบำเหน็จที่เหมาะสม
นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้พูดคุยถึงภาพรวมของเศรษฐกิจ วิธีการแก้ไขปัญหาหากนโยบายภาครัฐที่กำลังจะออกมามีอุปสรรค เปิดเผยว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อเพิ่มการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยหากจีดีพีเติบโตมากกว่าหนี้สาธารณะสัดส่วนของหนี้สาธารณะอาจไม่เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจำเป็นต้องมีทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยนโยบายด้านการพักหนี้เกษตรกรจำเป็นต้องทำคู่ไปกับการเพิ่มรายได้เพื่อเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ในระยะเวลาต่อจากนี้กระทรวงการคลังจะมีมาตรการใหม่ๆ ออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนในเรื่องหนี้เพื่อให้มีขวัญและกำลังใจไปทำงานเพื่อเพิ่มรายได้ ในส่วนของสถาบันการเงินของรัฐปัจจุบันมีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว โดยได้มอบนโยบายให้มีแนวทางดูแลและช่วยเหลือประชาชนโดยไม่ทำให้วินัยการเงินการคลังเสียไป
“ตอนนี้เราดูเรื่องหนี้เกษตรกรก่อน จะมีการพูดคุยเรื่องหนี้ในภาคอื่นๆ ต่อแล้วจะมานำเสนออีกที ตอนนี้ทำอะไรได้ต้องทำก่อนไม่อยากรอให้ครบทุกภาคส่วนแล้วประกาศทีเดียว บางภาคส่วนจะได้สบายใจ เข้าใจและตระหนักดีถึงปัญหาของทุกภาคส่วน ให้เวลานิดนึงคงจะเห็นอะไรดีๆ ออกมาอีก” นายกรัฐมนตรีกล่าว