"อีสเทอร์น สตาร์ฯ" หวังรัฐบาลเสริมมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ชี้ทำเลสุขุมวิทตอบโจทย์การอยู่อาศัย เป็น "เดสติเนชันสุขุมวิท" ที่ครบทุกไลฟ์สไตล์ แหล่งธุรกิจ แหล่งห้างสรรพสินค้าดัง และร้านอาหารเท่ๆ ตอกย้ำความสำเร็จ เผยยอดขายโครงการควินทารา ภูม สุขุมวิท 39 กวาดยอดขายไปกว่า 70% มั่นใจปี 67 ปิดการขายยูนิตที่เหลือมูลค่า 400 ล้าน ลุยตลาดคอนโดฯ ต่อเนื่อง ก่อสร้างโครงการควินทารา มาย'เซน พร้อมพงษ์ มูลค่า 1,000 ล้าน
นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR กล่าวถึงกลยุทธ์การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในครึ่งหลังของปี 2566 บนสถานการณ์ที่มีปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ว่า อันเนื่องจากปัญหา อันได้แก่ ภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น (ปัจจุบันอยู่ราว 80-90%) ขณะที่ประชากรในประเทศไทยเป็นสังคมสูงวัยมากขึ้น สำหรับในประชากรกลุ่ม Gen Z จะมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป คือนิยมเช่าบ้านมากกว่าซื้อ อีกทั้งในส่วนของราคาที่ดินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการก่อสร้างสูง ที่อยู่อาศัยจึงปรับขึ้นสูงตาม จึงทำให้ผู้บริโภคหันไปอยู่ทำเลนอกเมืองมากขึ้น แต่จะมีต้นทุนค่าครองชีพและเดินทางที่ตามมา
"ซึ่งภายใต้ข้อจำกัดเบื้องต้นจากปัจจัยดังกล่าว จึงทำให้ ESTAR มุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยบนความคุ้มค่า คุ้มราคา และมีไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคให้มากที่สุด และหากทางภาครัฐมีส่วนช่วยในการสนับสนุน หรือเพิ่มนโยบายการซื้อบ้านหลังแรกอีกครั้ง พร้อมปรับเกณฑ์มาตรการ Loan-to-value ratio หรือ LTV ใหม่ เอื้อต่อการกู้ซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมหลังแรก จะเอื้อประโยชน์ให้ลูกค้า และสร้างความคล่องตัวในภาคอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น" นายไพโรจน์ กล่าว
ขณะที่เรื่องของโลเกชันมีส่วนสำคัญต่อการอยู่อาศัยและการตัดสินใจพัฒนาโครงการ โดยสุขุมวิท เป็น 'เดสติเนชัน โซนสุขุมวิท' เป็นโซนพรหมลิขิต ประกอบด้วย โซนแหล่งธุรกิจ มีแหล่งสำนักงานหลายแห่ง โซนแหล่งชอปปิ้ง มีห้างสรรพสินค้าเป็นจำนวนมาก (ไลฟ์สไตล์โซน) และร้านอาหารดังๆ และแหล่งที่อยู่อาศัยชั้นดี ส่งเสริมให้เป็นทำเลสำคัญที่มีความต้องการของลูกค้าจำนวนมาก ต่างกับโซนสีลม ที่จะมีความเฉพาะเท่านั้น ราคาคอนโดมิเนียมขาย ตร.ม.ละ 4-5 แสนบาท แต่ย่านสุขุมวิทมี 3 อย่างรวมกัน
ซึ่งที่ผ่านมา ESTAR ได้พัฒนาโครงการแนวสูงบนเส้นทำเลสุขุมวิท ได้แก่ โครงการควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 โครงการควินทารา อาเท่ สุขุมวิท 52 และโครงการควินทารา ภูม สุขุมวิท 39 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างมาก โดยเห็นได้จากเป้ายอดขายของทั้ง 3 โครงการนี้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 ที่บริษัทสามารถปิดยอดขายไปได้ 100% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกันโครงการควินทารา อาเท่ สุขุมวิท 52 ที่ตอนนี้ยอดขายไต่ระดับมาแตะถึง 98% โดยคาดว่าจะปิดการขายและพร้อมโอนภายในปี 2566 ได้สำเร็จอย่างแน่นอน
ขณะที่โครงการควินทารา ภูม สุขุมวิท 39 ที่เปิดการขายเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ยอดขายเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก อยู่ที่ 70% ลูกค้าที่มาซื้อ และโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดหลักๆ จะเป็นลูกค้าคนไทย เนื่องจากช่วงที่เกิดโควิด-19 ชาวต่างชาติไม่สามารถเข้ามาได้ ส่งผลให้สัดส่วนต่างชาติที่มาซื้อราว 15% และส่วนของห้องชุดพร้อมโอนอีก 30% จะมีขนาดพื้นที่ 30 ตารางเมตร (ตร.ม.) และ 50 ตร.ม. มูลค่าการขายประมาณ 400 ล้านบาท คาดว่าจะปิดการขายได้ทั้งหมดปี 2567
"จากการวิเคราะห์ในศักยภาพทำเล พร้อมพงษ์ จัดอยู่หนึ่งใน 3 ของทำเลที่มีศักยภาพมากที่สุดบนเส้นถนนสุขุมวิท รวมไปถึงทั้งกรุงเทพฯ เพราะเป็นทำเลโซนชั้นในของเมือง อีกทั้งเส้นพร้อมพงษ์ยังเป็นย่านที่อยู่อาศัยชั้นดี เต็มไปด้วยบ้านหลังใหญ่และต้นไม้ขนาดใหญ่ จึงมีสภาพแวดล้อมที่ดี เงียบ สงบ และนับวันที่ดินจะหายาก จึงคุ้มค่าทั้งการซื้ออยู่อาศัยเองและซื้อไว้ลงทุนปล่อยเช่า ซึ่ง ณ ปัจจุบันราคาที่อยู่อาศัยย่านพร้อมพงษ์อยู่ที่ 2.2 แสนบาท/ตร.ม. และจากความเป็นทำเลชั้นดี บริษัทจึงได้นำพื้นที่กว่า 2 ไร่ ที่ตั้งอยู่ในซอยพร้อมพงษ์ หรือซอยสุขุมวิท 39 มาพัฒนาเป็นโครงการควินทารา ภูม สุขุมวิท 39 คอนโดมิเนียมประเภท Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวม 323 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท โดยออกแบบให้เป็นห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ตั้งแต่ 28-38 ตร.ม. และแบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ตั้งแต่ 58-64 ตร.ม. ในราคาที่เริ่มต้นเพียง 2.99 ล้านบาท ถึง 7 ล้านบาท หากเมื่อคำนวณแล้วราคาขายเฉลี่ยของโครงการอยู่ที่ประมาณ 1.2 แสนบาท/ตร.ม. ซึ่งถือว่าราคาดีและคุ้มที่สุดในทำเลนี้ ขณะที่คอนโดฯ ริมถนนราคาจะแพง ตร.ม.ไม่น้อยกว่า 2 แสนบาทต่อ ตร.ม. และเป็นโครงการหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากพร้อมพงษ์เป็นทำเลยอดนิยมของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงประชากรแฝงที่เข้ามาทำงานในย่านดังกล่าว" นายไพโรจน์ กล่าว
สำหรับกลุ่มลูกค้าในย่านพร้อมพงษ์ หลักๆ แบ่งสัดส่วนเป็น 51% ส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัทเอกชน ย่านพร้อมพงษ์-อโศก พนักงานโรงแรม รวมถึงบุคลากรจากโรงพยาบาลชั้นนำ และ 21% คือกลุ่มเจ้าของกิจการในรัศมีรอบโครงการ รวมถึงกลุ่มผู้ปกครอง นักศึกษามหาวิทยาลัยในย่านนั้น นอกจากนี้อีก 8% จะเป็นพนักงานในหน่วยงานภาครัฐต่างๆ และอื่นๆ อีก 20% จะเป็นลูกค้าที่ตั้งใจเข้ามาซื้อเพื่อการลงทุน โดยปล่อยเช่าต่อเดือนประมาณ 15,000 บาท
โครงการควินทารา ภูม สุขุมวิท 39 ถูกวางคอนเซ็ปต์และการออกแบบที่ให้สอดคล้องกับพื้นที่ทำเล โดยหยิบยกเอกลักษณ์ของบ้านเรือนไทย “เรือนไทยหมู่” มาสร้างเสน่ห์ความงดงามให้การอยู่อาศัย เชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านด้วยพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 4 ที่ออกแบบให้เสมือนชานพักผ่อนของทุกครอบครัว พร้อมสวนสวยที่ทอดยาวต่อเนื่องตลอดแนวอาคาร สร้างทัศนียภาพที่สวยงามและสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ขณะที่การเดินทางสัญจรเข้าออกโครงการนั้น แม้จะอยู่ในซอย แต่ถือว่าอยู่ในทำเลที่เชื่อมต่อ เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ รถยนต์ และสามารถเข้าออกได้หลากหลายเส้นทางทั้งทางอโศก สุขุมวิท ทองหล่อ และเพชรบุรี นอกจากนี้ ยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำบนย่านลักชัวรี สไตล์ ได้แก่ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียเอ็มโพเรียม อาหาร คาเฟ่ จำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังใกล้กับสถาบันการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาศรีนครินทวิโรฒ ประสานมิตร โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนนานาชาติเอกมัย รวมไปถึงโรงพยาบาลชั้นนำ เช่น โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลคามิลเลียน เป็นต้น
นายไพโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมสำหรับการลงทุนพัฒนาโครงการล่าสุดที่อยู่ในทำเลพร้อมพงษ์ในจุดเดียวกันและจะพัฒนาใกล้เคียงในลักษณะเดียวกัน ซึ่งจะอยู่ในโปรดักต์ควินทารา มาย’ซีรีส์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Creator of Life’s Pleasures” คือโครงการควินทารา มาย'เซน พร้อมพงษ์ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 276 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2 ไร่ ราคาเริ่มต้นที่คุ้มค่าเพียง 2.49 ล้านบาท ไปจนถึงประมาณ 6 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 1.1 แสนบาทต่อ ตร.ม. เปิดขายไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา มียอดพรีเซลมากกว่า 50% มีลูกค้าต่างชาติที่มาซื้อสัดส่วน 15% ในจำนวนนี้มีสัญชาติจีนประมาณ 80%
สำหรับโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มีจุดเด่นดีไซน์สไตล์วิถีความเป็นเซน คือ เรียบง่าย สบาย และลงตัว การออกแบบห้องพักที่ทั้งแบบสตูดิโอ 1 ห้องนอน และมีขนาดแบบ 1 ห้องนอนใหญ่ อีกทั้งยังมีแบบ 2 ห้องนอน ขนาดเริ่มต้น 21-65 ตร.ม. คาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 ทั้งนี้ หากรวมผลงาน 4 โครงการคอนโดฯ บนถนนสุขุมวิท มูลค่าราว 4,400 ล้านบาท