เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย หนึ่งในรัฐที่มีประชากรและเศรษฐกิจมากเป็นอันดับต้นๆของอเมริกา เตรียมที่จะแจกเงินรวมกว่า 3.6 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 131,400,000 บาท โดยไม่มีข้อผูกมัดในโครงการรายได้ขั้นพื้นฐาน เพื่อหวังศึกษาด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรในท้องถิ่น ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่จากรูปแบบรัฐสวัสดิการแบบเดิมๆ
จากการเปิดเผยของ dailyhodl ระบุว่า เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย กำลังดำเนินการโครงการรายได้ขั้นพื้นฐาน หรือ UBI แบบใหม่ โดยเตรียมที่จะแจกเงินสดให้ประชากรในท้องถิ่นประมาณ 1,000 ดอลลาร์ต่อเดือน แก่อาสาสมัครผู้เข้าร่วมจำนวน 200 คนโดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มขึ้นในเดือนตุลาคมและจะดำเนินไปเป็นเวลา 12 เดือนจนถึงเดือนกันยายน 2567
โดยเงื่อนไขการแจกเงินดังกล่าวนั้น จะแจกเงินให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่อาศัยอยู่ในซานฟรานซิสโกและไม่มีรายได้ประจำจากงานหรือโครงการอื่นๆ โดยพวกเขาจะต้องผ่านการตรวจสอบความเหมาะสมเพื่อยืนยันว่าพวกเขามีสิทธิ์เข้าร่วม
อย่างไรก็ดีโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนวิจัยของเมืองซานฟรานซิสโก และคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ล้านดอลลาร์ต่อปีในการดำเนินงาน
ขณะที่ผู้สนับสนุนโครงการ UBI เชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยปรับปรุงชีวิตของผู้เข้าร่วมในด้านต่างๆ เช่น สุขภาพจิต การศึกษา และเศรษฐกิจ
ด้านผู้คัดค้านโครงการ UBI บางคนกังวลว่าโครงการนี้อาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการ และอาจสร้างแรงจูงใจให้ผู้คนออกจากงานเพื่อรอรับการแจกเงินจากรัฐเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ขณะที่รายละเอียดเพิ่มเติมคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการ ได้แก่
1.ผู้เข้าร่วมจะได้รับเงินสด 1,000 ดอลลาร์ต่อเดือน
2.ผู้เข้าร่วมต้องเป็นผู้ใหญ่ที่อาศัยอยู่ในซานฟรานซิสโกและไม่มีรายได้ประจำจากงานหรือโครงการอื่นๆ
3.ผู้เข้าร่วมจะต้องผ่านการตรวจสอบความเหมาะสมเพื่อยืนยันว่าพวกเขามีสิทธิ์เข้าร่วม
4.โครงการนี้จะเริ่มขึ้นในเดือนตุลาคมและจะดำเนินไปเป็นเวลา 12 เดือน
5.โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนวิจัยของเมืองซานฟรานซิสโก
ทั้งนี้เมืองซานฟรานซิสโกไม่ใช่เมืองเดียวที่ดำเนินการโครงการ UBI แต่มีเมืองอื่นๆ เช่น ดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน และแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย กำลังดำเนินการโครงการ UBI เช่นกัน
อย่างไรก็ดีโครงการ UBI กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในฐานะทางเลือกสำหรับระบบสวัสดิการแบบเดิมๆ ผู้สนับสนุน UBI เชื่อว่าโครงการนี้สามารถช่วยลดความยากจนและปรับปรุงชีวิตของผู้เข้าร่วมในด้านต่างๆ