หุ้นไทยปิดตลาดร่วง -3.19 จุด โบรกฯ ชี้นักลงทุนกังวลเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยสูงที่กินเวลานานขึ้น หรืออาจปรับขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในเดือน พ.ย. ทำนักลงทุนต่างชาติชะงักงันชะลอการกลับเข้าลงทุนตลาดหุ้นไทย ประเมินกรอบการลงทุนสัปดาห์หน้าแนวรับสำคัญ 1,540 จุด หากไม่หลุดมีโอกาสรีบาวรด์ ส่วนแนวต้านที่ 1,570 จุด แนะจับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่จะกำหนดทิศทางนโยบายการเงินของเฟดซึ่งจะส่งผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 8 กันยายน 2566 ปรับตัวลดลง -3.19 จุด หรือ -0.21% โดยปิดตลาดที่ 1,547.17 จุด มูลค่าซื้อขาย 34,714.41 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบสลับแดนบวกและแดนลบ โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,554.50 จุด ในทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,546.91 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 218 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 207 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 215 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -2,182.58 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -175.14 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +1,418.46 ล้านบาท และบัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +939.27 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,390.06 ล้านบาท ปิดที่ 116.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
2.PSP มูลค่าการซื้อขาย 1,361.18 ล้านบาท ปิดที่ 10.60 บาท ลดลง 2.10 บาท
3.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,241.35 ล้านบาท ปิดที่ 71.00 บาท ลดลง 0.75 บาท
4.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,149.60 ล้านบาท ปิดที่ 167.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
5.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 982.90 ล้านบาท ปิดที่ 8.25 บาท ลดลง 0.20 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.MTC ปิดที่40.50บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 3.18%
2.KTC ปิดที่47.50บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 2.15%
3.CBG ปิดที่82.75บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 1.22%
4.SAWAD ปิดที่47.75บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.60%
5.COM7 ปิดที่32.75บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.55%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 105.50บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.40%
2.CENTEL ปิดที่ 46.50บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 2.11%
3.KBANK ปิดที่ 129.50บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.77%
4.BH ปิดที่ 255.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.39%
5.MINT ปิดที่32.75บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.50%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,107.69 จุด ลดลง -6.55 จุด หรือ -0.31% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 946.00 จุด ลดลง -2.94 จุด หรือ -0.31% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 480.70 จุด ลดลง -0.04 จุด หรือ -0.01%
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวแคบๆ เพราะไม่มีปัจจัยใหม่ และยังอยู่ปัจจัยเดิมที่ตลาดยังกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดจะคงดอกเบี้ยสูงนาน หรือเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทางไหนส่งผลลบต่อตลาดหุ้น ทำให้ Sentiment เป็นลบ ประกอบกับราคาพลังงานเมื่อวานย่อตัวลงมาทำให้หุ้นกลุ่มพลังงาน น้ำมันชะลอตัวลงบ้าง กดดันทิศทางตลาดหุ้นไทย
นอกจากนี้ ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยซึมตัว เพราะคาดกำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ 89 บาท/หุ้น ทำให้เงินทุนต่างชาติไม่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทย เพราะ Valuation ไม่น่าสนใจ
"แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า คาดว่าอาจจะซึมๆ อยู่ ให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่จะประกาศในสัปดาห์หน้า (13 ก.ย.) ที่จะเห็นเฟดใช้นโยบายการเงินอย่างไร ขณะที่การแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 11-12 ก.ย.นี้ ตลาดรับรู้ปัจจัยนี้ไปพอสมควรแล้ว และมองว่าอาจเป็นปัจจัยลบมากกว่าเพราะหาเสียงไว้เยอะแต่นโยบายรัฐบาลอาจทำได้จริงไม่ครบ ซึ่งมองกรอบการลงทุนโดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,540 จุด หากยังไม่หลุดตลาดน่าจะรีบาวนด์ได้ ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,570 จุดในสัปดาห์หน้า" นายณรงค์เดช กล่าว