xs
xsm
sm
md
lg

SET INDEX พลิกปิด +0.92 จุด รับแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิด +0.92 จุด นักวิเคราะห์เผยหุ้นไทยแกว่งผันผวนสลับทั้งแดนบวกและลบ โดยกลุ่มหนุนดัชนีได้แก่กลุ่มพลังงาน หลังซาอุดิอาระเบียและรัสเซียขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันไปอีก 3 เดือน รวมทั้งกลุ่มธนาคารพาณิชย์และค้าปลีกที่ปรับตัวขึ้น รับนโยบายดิจิทัลวอลเลตของรัฐบาลมีแนวโน้มให้บริการเร็วขึ้น มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้ประเมินแนวต้านที่ 1,560 จุด และแนวรับที่ 1,540 จุด แนะรอติดตามความชัดเจนของนโยบายต่า่งๆของรัฐบาล

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขชายวันที่ 6 กันยายน 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.92 จุด หรือ +0.06% โดยปิดตลาดที่ 1,548.78 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,967.86 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวสลับทั้งแดนบวกและลบ โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,554.79 จุด ในทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,542.66 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 203 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 180 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 260 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +978.14 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +55.43 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -740.08 ล้านบาท และ นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -293.50 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,717.39 ล้านบาท ปิดที่ 166.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
2.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,594.94 ล้านบาท ปิดที่ 35.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
3.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,407.46 ล้านบาท ปิดที่ 27.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
4.SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,123.70 ล้านบาท ปิดที่ 116.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
5.KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,676.92 ล้านบาท ปิดที่ 1 9.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่166.00บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือ 3.11%
2.KBANK ปิดที่131.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 0.77%
3.BBL(XD )168.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +0.60%
4.BH ปิดที่256.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +0.39%
5.THG ปิดที่66.00บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ +1.15%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.HANA ปิดที่ 59.75 บาท ลดลง 2.00 บาทหรือ 3.24%
2.SCGP ปิดที่ 38.75บาท ลดลง 1.75 บาทหรือ 4.32%
3.SAWAD ปิดที่ 48.25บาท ลดลง 1.75บาทหรือ 3.50%
4.FORTH ปิดที่ 32.50บาท ลดลง 1.50บาทหรือ 4.41%
5.KCE ปิดที่ 49.25บาท ลดลง 1.50บาทหรือ 2.96%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,113.10 จุด เพิ่มขึ้น 2.10 จุด หรือ 0.10% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 948.79 จุด เพิ่มขึ้น 1.70 จุด หรือ 0.18% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 478.87 จุด ลดลง -1.89 จุด หรือ -0.39%

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งบวกลบกระจัดกระจาย โดยกลุ่มที่หนุนดัชนีได้แก่กลุ่มพลังงาน หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันแบบสมัครใจออกไปอีก 3 เดือน จากที่ตลาดคาดว่าจะขยายเวลาเพียง 1 เดือน รวมทั้งกลุ่มธนาคารพาณิชย์และค้าปลีกที่ปรับตัวขึ้น รับนโยบายดิจิทัลวอลเลตของรัฐบาลมีแนวโน้มให้บริการเร็วขึ้นภายในเดือนก.พ.ปี 67

"หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ากดดันดัชนี จากประเด็นนโยบายการลดค่าไฟของรัฐบาล รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้นด้วย และกลุ่มไฟแนนซ์ก็ปรับลงแรง หลัง credit cost เร่งตัวรวมทั้งกังวลมาตรการพักชำระหนี้ของรัฐบาล ที่นอกจากจะช่วยกลุ่มเกษตรกรแล้วยังรวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะกระทบกับบริษัท" นายชาญชัย กล่าว

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ประเมินภาพตลาดยังแกว่งไซด์เวย์ แนะนำให้นักลงทุนรอติดตามความชัดเจนของนโยบายรัฐบาล ซึ่งจะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 11 ก.ย. โดยประเมินกรอบการลงทุนแนวต้านที่ 1,560 จุด และแนวรับที่ 1,540 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น