สัปดาห์นี้ บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA ตกเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด มีข่าวการปล่อยเงินกู้ก้อนโตให้นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือเสี่ยฮ้อ ประธานกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS
ZIGA แจ้งตลาดหลักทรัพย์หลังปิดการซื้อขายหุ้นวันที่ 5 กันยายนที้ผ่านมา ระบุถึงมติคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 ซึ่งอนุมัติเงินกู้จำนวน 104 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 15% ต่อปี ให้นายสุรชัย โดยทำรายการวันที่ 3 พฤษภาคม 2566
สำหรับการกู้เงินครั้งนี้ นายสุรชัยได้นำเช็คธนาคารกรุงเทพ วงเงิน 117 ล้านบาท ลงวันที่ 2 มีนาคม 2567 ชำระให้ ZIGA และนำหุ้น บริษัท แกรททิทูด อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ GIFT จำนวน 16 ล้านหุ้นเป็นหลักประกัน
GIFT เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีกลุ่มนายสุรชัย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ราคาหุ้นเมื่อวันที้ 6 กันยายนที่ผ่านมาปิดที่ 3.60 บาท ซึ่งคำนวณจากหุ้นที่นายสุรชัยนำไปวางเป็นหลักประกันเงินกู้จำนวน 16 ล้านหุ้น จะมีมูลค่าเพียง 57.60 ล้านบาท
แต่ถ้าคำนวณราคาหุ้น GIFT ในวันที่คณะกรรมการ ZIGA มีมติปล่อยกู้นายสุรชัย หรือวันที่ 28 เมษายน 2566 ซึ่งราคาหุ้น GIFT ปิดที่ 6.45 บาท หลักประกันจะมีมูลค่า 103.20 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การกู้เงินของนายสุรชัย และการปล่อยกู้ของ ZIGA ประเด็นไม่ได้อยู่ที่หลักประกัน แต่สิ่งที่นักลงทุนพุ่งความสนใจคือ ทำไม ZIGA จึงปล่อยกู้ ทำไมนายสุรชัยจึงต้องขอกู้ โดยยอมจ่ายดอกเบี้ยในอัตรา 15% ต่อปี ซึ่งถือว่าสูงมาก
และทำไม ZIGA จึงเพิ่งแจ้งตลาดหลักทรัพย์ ถึงการปล่อยกู้นายสุรชัย ทั้งที่รายการเกิดขึ้นมาแล้ว 4 เดือน ซึ่งควรจะมีมติคณะกรรมการบริษัทฯ ถึงการทำรายการปล่อยกู้ให้นักลงทุนรับทราบในทันที
การปล่อยกู้ระหว่าง ZIGA กับนายสุรชัย ไม่ใช่รายการบุคคลที่มีความเกี่ยวโยงกัน แต่นายสุรชัย ต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริหารของ ZIGA เพราะคนที่ไม่รู้จักมักคุ้นกัน คงไม่ปล่อยกู้กันง่ายๆ
แต่นายสุรชัยมีความฝืดเคืองเพียงใด จึงต้องขอกู้เงินจาก ZIGA โดยยอมจ่ายดอกเบี้ยถึง 15% ต่อปี สูงกว่าดอกเบี้ยหุ้นกู้บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ซึ่งออกเสนอขายเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยกำหนดดอกเบี้ยสูงสุดที่ 7.50% ต่อปี
นายสุรชัยถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ใน RS สัดส่วน 24.16% หรือจำนวน 235 ล้านหุ้น โดยหุ้น RS เคลื่อนไหวอยู่ประมาณ 14 บาทเศษมาหลายเดือน ก่อนที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 กันยายนปิดที่ 14.30 บาท ลงมา 40 สตางค์ ซึ่งอาจเกิดจากผลกระทบเชิงจิตวิทยาเชิงลบข่าวการกู้เงิน 104 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย 15%
การกู้เงินครั้งนี้ นายสุรชัยต้องมีความจำเป็นเร่งด่วนในการใช้เงิน และช่องทางการกู้จาก ZIGA อาจเป็นทางเลือกดีที่สุด แม้ต้องแบกภาระจ่ายดอกเบี้ยสูงก็ตาม
เพราะถ้าจะกู้จากสถาบันการเงิน มีขั้นตอนซับซ้อนและต้องใช้เวลา ส่วนการนำหุ้นไปจำนองโดยทั่วไปจะต้องใช้หุ้น GIFT หุ้นมากกว่า 1 เท่าตัวของของจำนวนที่วางเป็นหลักประกันกับ ZIGA
และถ้าจะขายหุ้น RS ที่นายสุรชัยถืออยู่ ต้องขายหุ้นออกจำนวนประมาณ 7 ล้านหุ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้น RS โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 9,860 ราย
ไม่ว่าการปล่อยกู้ของ ZIGA ให้นายสุรชัยจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่ และนายสุรชัยเดือดร้อนเรื่องเงินขนาดไหน จึงยอมสู้ดอกเบี้ยอัตรา 15% แต่ประเด็นสำคัญของการจัดทำรายการกู้ครั้งนี้อยู่ที่เช็คตีจ่ายล่วงหน้าวันที่ 2 มีนาคมปีหน้า หรือครบ 10 เดือนนับจากวันรับเงินกู้
ถ้าเช็คตีจ่ายล่วงหน้าของนายสุรชัยไม่มีสปริง ธุรกรรมการกู้ระหว่าง ZIGA กับเสี่ยฮ้อก็ปิดฉากลง และไม่มีอะไรต้องเท้าความกันอีก
เพียงแต่การกู้เงินยอมจ่ายดอกเบี้ย 15% ของเจ้าของ RS จะเป็นวาระที่คนในแวดวงตลาดหุ้นพูดถึงกันพักใหญ่