"จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์" ออกโรงขอโทษพร้อมแจงหุ้นกู้ "JKN239A" เกิดปัญหา ยันสามารถจ่ายได้ครบถ้วนตามสัญญา ขณะนี้เตรียมแผนการจ่ายชำระคืนและแจ้งผ่าน SET 11 ก.ย.นี้ ก่อนเรียกประชุมผู้ถือหุ้น 27 เดือนเดียวกัน ย้ำหุ้นกู้ล็อตอื่นไม่มีปัญหา โอดเหตุการเมืองยืดเยื้อ ทุนนอกไหลออก กระทบการดำเนินงาน
นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เปิดเผยผ่าน JKN18 ว่าขออภัยกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับการผิดสัญญาต่อการจ่ายชำระคืนหุ้นกู้ JKN239A ถึงวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ในวันที่ 1 กันยายน 2566 จำนวนเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งสิ้น 609,981,369.86 บาท
โดยวันนี้ (1 ก.ย.) บริษัทชำระได้บางส่วนคือ 156,600,000 บาท เป็นเงินต้นบางส่วน 146,618,630.14 บาท และดอกเบี้ย 9,981,369.86 บาท โดยคงเหลือยอดค้างชำระ 443,400,000 บาทนั้นจะมีการจ่ายดอกเบี้ยให้ตามเงื่อนไข ซึ่งขณะนี้ทาง บล.เอเซีย พลัส ได้จัดทำแผนการชำระคืนหุ้นกู้ส่วนที่เหลือ ซึ่งจะมีการสรุปผลกันในวันที่ 11 กันยายนนี้ พร้อมแจ้งผ่านทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก่อนจะนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 27 กันยายนนี้
"ต้องกราบขอโทษที่เกิดปํญหาขึ้น และเรามีปัญหาเพียงล็อตนี้เท่านั้น ส่วนหุ้นกู้รุ่นอื่นๆ ยังปกติ เพียงแต่รุ่นที่มีปัญหานี้ดีลสั้น ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก กระทบผู้ประกอบการและเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะในประเทศเกิดปัญหาหุ้นกู้ของ บจ. แห่งหนึ่งที่เป็นข่าวครึกโครม ทำให้ตลาดบอนด์หรือหุ้นกู้ได้รับผลกระทบ ยากต่อการแก้ไขและหาทางออก JKN ก็เช่นเดียวกัน แต่เรามีกระแสเงินสดหลายร้อยล้านบาท เพื่อจะรันธุรกิจ ขณะเดียวกัน เราต้องการระดมทุนเข้ามาเสริมเพียงแต่ระยะเวลาของทุนที่เราได้มาไม่สมดุลกับการทำงานของเราที่ต้องใช้เวลายาวกว่า ดังนั้น จึงเกิดช่องว่างระหว่างเงินทุนกับการดำเนินงาน"
นายจักรพงษ์ กล่าวว่า JKN เป็นบริษัทมหาชนและมีธุรกิจที่หลากหลายและครบวงจร เติบโตมาตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ก่อนจะย้ายเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยทุนจดทะเบียน 1,100 ล้านบาท และกระทั่งปัจจุบัน JKN มีทรัพย์สินมูลค่ามากกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากการลงทุนขยายงานและเดินหน้าต่อยอดธุรกิจตลอดจนแตกไลน์ธุรกิจไปยังอีกหลากหลาย
ทั้งนี้ JKN มั่นใจในศักยภาพธุรกิจและสถานะการเงินยังแข็งแกร่ง ตอกย้ำสามารถขับเคลื่อนการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ ทำรายได้รวม 1,500 ล้านบาท เติบโต 51% และมีกำไรสุทธิ 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% โดยไตรมาส 2 มีรายได้รวม 568 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% และมีกำไรสุทธิ 53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีก่อน โดยการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกของปีนี้ มีปัจจัยสำคัญจากกลุ่มธุรกิจหลัก คือจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ และธุรกิจใหม่คือกิจการองค์กรมิสยูนิเวิร์ส (MUO) เพื่อนำมา Synergy กับ Ecosystem ของกลุ่ม JKN Group เพื่อส่งเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้มีความแข็งแกร่ง ตอกย้ำให้เห็นถึงวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ Global Content Commerce Company ให้ประสบความสำเร็จ
"ช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ เริ่มทยอยรับชำระเงินตามสัญญาในด้านต่างๆ ของธุรกิจองค์กรมิสยูนิเวิร์ส MUO รวมเป็นเงินกว่า 230 ล้านบาท โดยไตรมาส 4 นี้ บริษัทฯ จะทยอยรับรู้รายได้จากการเก็บค่าลิขสิทธิ์การประกวดมิสยูนิเวิร์สจากทั่วโลกและค่าตั๋วเข้าชม ซึ่งบริษัทฯ จะรับรู้รายได้ค่าลิขสิทธิ์การจัดประกวด Miss Universe (MUO) ประมาณ 400 ล้านบาท และจะมีรายได้จากการส่วนแบ่งค่าโฆษณาและสปอนเซอร์ชิป การจำหน่ายบัตรชมงานอีกด้วย ซึ่งเมื่อนำมารวมกับรายได้หลักจากการจำหน่ายคอนเทนต์ที่ยังเติบโตได้ดี จึงมั่นใจว่าบริษัทฯ จะมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ"
นายจักรพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หลายบริษัทมีปัญหาเรื่องหุ้นกู้เพราะผลพวงภายในประเทศ ส่วนหนึ่งเพราะการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า ส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไหลออกจากไทย กระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่างๆ ทั้งนี้ JKN พร้อมเปิดรับพันธมิตรที่ต้องการมาร่วมงานกันในทุกด้าน เพื่อจะก้าวและเติบโตไปด้วยกัน เนื่องจาก JKN มีหลากหลายธุรกิจที่เชื่อว่าสามารถรองรับการร่วมลงทุนได้