คณะรัฐมนตรีรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ประกาศรายชื่อออกมาแล้ว แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดจากตลาดหุ้น โดยดัชนีหุ้นปักหัวลงต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และถอยหลังหลุดแนวรับสำคัญระดับ 1,550 จุดอีกครั้ง
นักลงทุนรอคอยการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่มาหลายเดือน ภายใต้ความคาดหวังว่าจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้บรรยากาศการซื้อขายหุ้นกลับมาคึกคัก และต่างชาติกลับมาไล่ซื้อหุ้น
วันจันทร์ที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา เป็นวันแรกของการซื้อขายหุ้น หลังประกาศ ครม.ชุดใหม่ ปรากฏว่า เปิดตลาดช่วงแรก ดัชนีดีดตัวขึ้นหลายจุด ก่อนถูกเทขายจนปรับตัวลง และปิดการซื้อขายที่ 1,548.68 จุด ลดลง 12.83 จุด มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 50,623.64 ล้านบาท
สำหรับนักลงทุนต่างชาติขายหุ้น 431.94 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขาย 2,053.76 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ขาย 252.82 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อ 2,738.52 ล้านบาท
สถานการณ์ตลาดหุ้นหลังตั้งรัฐบาลชุดใหม่ แตกต่างจากช่วงที่นายเศรษฐาได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะหลังจากนายเศรษฐาได้เสียงโหวตเป็นนายกฯ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา หุ้นพุ่งทะยานต่อเนื่อง 7 วันทำการ จากระดับ 1,525.85 จุด ขึ้นมาปิดที่ 1,576.67 จุด หรือปรับตัวขึ้น 50.82 จุด
นักลงทุนทยอยกลับเข้ามาซื้อหุ้นหลายวัน ก่อนเทขายหุ้นอีกครั้ง และเป็นสาเหตุที่ทำให้ ดัชนีปักหัวลง 3 วันติด โดยปรับตัวลงรวม 27.99 จุด
"รัฐบาลเศรษฐา 1" ไม่อาจเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติได้ และช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ต่างชาติคงไม่กลับเข้าตลาดหุ้นไทย ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของตลาดหุ้น เพราะขาดแรงซื้อหนุนจากต่างชาติ
ช่วงเวลาดีๆ ของตลาดหุ้นที่ตอบรัฐบาลนายเศรษฐาปิดฉากลงแล้ว ความหวังนักลงทุนต่างชาติกลับมาจางหายไป ทิศทางการลงทุนต่อจากนี้คงอยู่นอกเหนือความคาดหมาย หรือเกิดความซบเซา และแกว่งตัวลงจนส่งท้ายปี
เป้าหมายดัชนีสิ้นปีที่ระดับเหนือ 1,600 จุด ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์โบรกเกอร์หลายสำนักประเมินกันไว้อาจไม่ได้เห็น เว้นแต่รัฐบาลชุดใหม่จะมีผลงานในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคงไม่เกิดขึ้นในเร็ววัน
ดัชนีปรับฐานหลุดแนวรับ 1,550 จุดอีกครั้ง และแนวโน้มอาจทรุดตัวต่อ เพราะในระยะสั้นไม่มีข่าวดีที่รอคอย โดยแม้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มกระเตื้องขึ้น แต่ตลาดหุ้นไทยกลับดิ่งลงสวนทาง ซึ่งอาจเกิดจากก่อนหน้าปรับตัวขึ้นมาสูง จนกระตุ้นการเทขายทำกำไรทั้งจากนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันในประเทศ
หุ้นขนาดใหญ่ทุกกลุ่มตกเป็นเป้าหมายในการขาย ไม่ว่าหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า หุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มสถาบันการเงิน และกลุ่มท่องเที่ยว โดยแม้ปัจจัยพื้นฐานจะยังดี แต่นักลงทุนอาจไม่มีความมั่นใจในแนวโน้มผลประกอบการ จึงเทขายลดความเสี่ยง
ฮันนีมูนของรัฐบาลเศรษฐาจบลงแล้ว โดยช่วงตลาดขาขึ้นอาจหยุดลงที่ดัชนี 1,576.67 จุด ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบนี้ แนวโน้มต่อไปของหุ้นไม่น่าไว้วางใจ เพราะอาจย้อนสู่ทิศทางขาลงและไม่อาจทำนายได้ว่าจะปรับฐานลงลึกระดับใด
หุ้นไม่มีปัจจัยกระตุ้นให้ไปต่อ 4 เดือนสุดท้ายของปีต่อจากนี้ บรรยากาศซื้อขายคงเงียบเหงา และนักลงทุนที่ยังอยู่ในตลาด ทำได้เพียงประคองตัวให้ผ่านพ้นปี 2566 เท่านั้น
รักษาตัวให้รอดไปก่อน รอลุ้นปีหน้าว่าหุ้นจะฟื้นหรือไม่ แต่ปีนี้ทำใจคงฟุบต่อ และไม่เห็นปาฏิหาริย์ที่จะพลิกสู่ความสดใส