ตลาดหุ้นฟื้นคืนสู่ความคึกคักเต็มรูปแบบอีกครั้ง หลังจาก "นายเศรษฐา ทวีสิน" ได้รับเสียงสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และเตรียมจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา หรือตั้งแต่วันที่มีการโหวตให้นายเศรษฐา เป็นนายกฯ ดัชนีหุ้นพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง จนตีฝ่าแนวต้านสำคัญระดับ 1,550 จุดได้อีกครั้ง
ปรากฏการณ์ที่ได้รับความสนใจคือ มูลค่าซื้อขายหุ้นดีดตัวขึ้นจากระดับ 4-5 หมื่นล้านบาทต่อวัน ขยับขึ้นมาเป็นวันละกว่า 7 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม มูลค่าซื้อขายพุ่งกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดในรอบหลายสัปดาห์
แม้ว่านักลงทุนต่างชาติยังไม่กลับมาซื้อหุ้น โดยนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์หลายสำนักคาดหมายว่า ต่างชาติอาจรอคอยรัฐบาลชุดใหม่จึงกลับเข้ามาลงทุน แต่นักลงทุนในประเทศเริ่มทยอยกลับตลาดหุ้นแล้ว และซื้อหุ้นผ่านกองทุนรวมหุ้น
นักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนในประเทศมีแรงซื้อหุ้นเข้ามาอย่างชัดเจน ในระหว่างวันที่ 22-23 สิงหาคม โดยเป็นผู้ถือซื้อรายใหญ่ รวม 2 วันประมาณ 6 พันล้านบาท และมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ดัชนีหุ้นฟื้นตัว
แรงซื้อจากกองทุนในประเทศเกิดจากประชาชนผู้ลงทุนอาจประเมินว่า เมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่ แนวโน้มตลาดหุ้นน่าจะสดใส จึงทยอยเข้ามาซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมหุ้น
เมื่อมีเงินไหลเข้ามา กองทุนจึงรีบนำเงินของนักลงทุนซื้อหุ้นทันทีตามเจตนารมณ์ของผู้ซื้อหน่วยลงทุน โดยกองทุนอาจไล่ซื้อหุ้นต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น เพียงแต่ไม่อาจคาดหมายได้ว่า รอบนี้ดัชนีจะวิ่งไปไกลขนาดไหนเท่านั้น
ปฏิกิริยาตอบรับในเชิงบวกของตลาดหุ้น สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนมีความมั่นใจในรัฐบาลของนายเศรษฐา และทยอยกลับเข้ามาลงทุน
แต่การซึมซับตอบรับรัฐบาลชุดใหม่จบสิ้นลงหรือยัง หุ้นปรับตัวขึ้นมาพอหรือยัง
เพราะการที่นักลงทุนต่างชาติยังไม่กลับ อาจเป็นเพราะไม่แน่ใจว่ารัฐบาลนายเศรษฐา จะกอบกู้ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำได้หรือไม่ จึงชะลอการลงทุน รอดูนโยบายและผลงานรัฐบาลชุดใหม่อยู่ และยังไม่รีบร้อนเข้ามาไล่ซื้อหุ้น โดยอีก 4 เดือนที่เหลืออาจไม่ขนเงินเข้าตลาดหุ้นก็ได้
สถานการณ์การเมืองที่มีความชัดเจนขึ้น อย่างน้อยการโหวตนายกฯ คนใหม่ก็ผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อย ถือเป็นปัจจัยที่สนับสนุนบรรยากาศการลงทุน ทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นในระยะสั้น แต่ไม่ได้หมายความว่า หุ้นจะก้าวไปสู่รอบขาขึ้นอย่างเต็มตัว
นักลงทุนรายย่อยที่ทยอยขายหุ้นทำกำไรในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงในความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น หรือการปรับฐานลงของหุ้น หลังการตอบรับข่าวดีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่จางลง
สัปดาห์นี้เป็นช่วงฮันนีมูนของตลาดหุ้น ฉลองการขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศของนายเศรษฐา แต่สัปดาห์หน้า ถ้าไม่มีปัจจัยใหม่ขับเคลื่อน หุ้นอาจกลับสู่บรรยากาศเดิมๆ โดยเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และย่ำฐานะแถวระดับ 1,550 จุดต่อไป
นักลงทุนรายย่อยที่ชิงจังหวะระบายหุ้นออก เป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้อง เพราะหุ้นรอบนี้ยังวิ่งไปไหนไม่ได้ไกล
และรัฐบาลนายเศรษฐา คงปลุกหุ้นให้คึกคักได้เพียงช่วงสั้นๆ หรือกระตุ้นการเก็งกำไรได้เพียงสัปดาห์นี้เท่านั้น