ตลาดหุ้นกลับสู่สถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ โดยถูกปัจจัยลบครอบงำรอบด้าน ทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน ฉุดดัชนีหุ้นให้ดิ่งลงรอบใหม่ และมีแนวโน้มที่จะถอยหลังไปสู่แนวรับระดับ 1,500 จุดอีกครั้ง
ตลาดหุ้นทั่วโลกเคลื่อนไหวอย่างไร้ทิศทาง เพราะไม่มีข่าวดีชี้นำ แต่ถูกกดดันด้วยความกังวลจากผลกระทบเศรษฐกิจถดถอย และการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
ขณะที่การเมืองภายในประเทศยังอึมครึม ไม่อาจคาดหมายว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะเป็นใคร และจะจัดตั้งรัฐบาลได้เมื่อไหร่
ส่วนนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นอย่างหนักอีกครั้ง โดยวันละหลายพันล้านบาทต่อเนื่องนับจากสัปดาห์ก่อน และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หุ้นทรุดฮวบ หลุดจากระดับ 1,550 จุด
ล่าสุดวันอังคารที่ผ่านมา ต่างชาติทุบหุ้นลง 14.07 จุด ลงมาปิดที่ 1,518.44 จุด ตอกย้ำการกลับเข้าสู่ช่วงขาลง
หุ้นขนาดใหญ่ตกเป็นเป้าหมายในการขายของต่างชาติ ราคาร่วงกันยกแผง กระดานหุ้นแดงฉาน โดยกองทุนรวมในประเทศชะลอการซื้อขาย เช่นเดียวกับพอร์ตโบรกเกอร์ มีแต่นักลงทุนรายย่อยเท่านั้นที่สวนหมัดฝรั่ง โดยปักหลักซื้อหุ้นตลอด
แต่หุ้นที่คิดว่าซื้อมาถูก กลายเป็นของแพง เพราะราคาปรับตัวลง ทำให้รายย่อยต้องแบกต้นทุนสูง และเสียโอกาสการลงทุน เพราะถ้าไม่รีบร้อนช้อนซื้อหุ้น รอจังหวะให้การปรับฐานของตลาดสิ้นสุด หรือรอจนราคาหุ้นลงมาต่ำจริงๆ จึงทยอยเก็บ จะช่วยให้ซื้อหุ้นได้ในราคาต่ำๆ
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์และบรรดากูรูหุ้นทั้งหลายส่วนใหญ่มีมุมมองตลาดหุ้นในทิศทางเดียวกัน ประเมินแนวโน้นตลาดไม่สดใส แต่มีความเสี่ยงในความผันผวน และในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้ไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวสู่ความคึกคัก
เสียงเตือนให้ชะลอการลงทุนดังมาตลอดนับจากต้นปี แต่นักลงทุนรายย่อยไม่ฟัง ซื้อหุ้นสวนกระแสการปรับตัวลง จนเป็นเจ้าภาพใหญ่รับหุ้นที่ต่างชาติเทขาย โดยต่างชาติมียอดขายหุ้นสะสมจากต้นปีจำนวน 131,498 ล้านบาท และรายย่อยมียอดซื้อสะสมรวม 91,325 ล้านบาท
การที่ต่างชาติทิ้งหุ้นไม่ได้เกิดจากความสับสนวุ่นวายทางการเมืองในประเทศ ไม่ได้กังวลกับการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่ยืดเยื้อเท่านั้น แต่ยังมีแรงกดดันจากความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยด้วย
และหากต่างชาติยังคงเทขายต่อไป หุ้นแทบไม่มีโอกาสกระเตื้องขึ้น แต่จะตกอยู่ในความผันผวน หรือทรุดตัวลงต่อ จนสร้างจุดต่ำสุดใหม่ ไหลลงลึกหลุด 1,500 จุด ซึ่งนักลงทุนรายย่อยจะเป็นกลุ่มขาดทุนมากที่สุดในปี 2566
กองทุนรวมในประเทศเริ่มชะลอการลงทุนอีกครั้ง ส่วนพอร์ตโบรกเกอร์ซื้อๆ ขายๆ สลับกัน เหลือแต่นักลงทุนรายย่อยเท่านั้นที่สู้ไม่ถอย ช้อนหุ้นไม่เลิก และเป็นการซื้อหุ้นขาลง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ผิด
ข่าวดีที่รอคอย และหวังว่าจะช่วยกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนคือ การมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ แต่เป็นการรอคอยที่ไม่มีเงื่อนเวลา
และแม้มีรัฐบาลชุดใหม่ แต่ต้องรอติดตามว่า จะสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ซบเซาได้หรือไม่
ตลาดหุ้นอีก 5 เดือนข้างหน้า ก่อนปิดฉากปี 2566 แทบไม่มีสิ่งดีที่หวัง แทบไม่เห็นโอกาสทำกำไร มีแต่ความเสี่ยง
และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะเก็บหุ้นเพิ่ม โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยที่แบกหุ้นราคาแพงอยู่เต็มพอร์ต