นายชาตรี จันทรงาม กรรมการกำกับความเสี่ยง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยง และรักษาการหัวหน้าสื่อสารองค์กร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้แผนธุรกิจของธนาคารเน้นเติบโตในกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ และกลุ่มสินเชื่อรายย่อยที่มีผลตอบแทนสูงได้แก่ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ(Auto Cash) สินเชื่อเช่าซื้อรถมือสอง และสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ ที่มีแนวโน้มขนายต่อเนื่อง จากในครึ่งปีแรกที่สินเชื่อรายใหญ่ที่เติบโตได้ 26.5% สินเชื่อจำนำทะเบียนรถเติบโต 8.2% สินเชื่อรถมือสองเติบโต 6.2% และสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์เติบโต 2.4%
โดยจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกลุ่มสินเชื่อดังกล่าว ทำให้โครงสร้างของสินเขื่อของธนาคารเปลี่ยนแปลง โดยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาที่ 17% ของพอร์ตสินเชื่อรวม สินเชื่อรายใหญ่ 24% ของพอร์ตสินเชื่อรวม และสินเชื่อเช่าซื้อรถซึ่งเป็นส่วนหลักเดิมลดลงต่ำกว่า 50% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ขณะที่พอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรวมของธนาคารที่ระดับ 40,000 ล้านบาท (รวมพอร์ตสมหวังเงินสั่งได้ 25,000 ล้านบาท) คิดเป็น 1 ใน 4 ของพอร์ตสินเชื่อรายย่อยทั้งหมด และคาดว่าจะเพิ่มมาที่ 30-35% ในระยะกลาง เนื่องจากธนาคารยังเห็นโอกาสที่จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ทิสโก้ไม่ได้เน้นการเติบโตมากนัก เนื่องจากมีการแข่งขันที่สูงมากทำให้มาร์จิ้นต่ำ
พร้อมกันนั้น ในปีนี้จะยังคงเร่งขยายสาขาในส่วนของสมาหวังฯ ให้ครบ 200 สาขาตามเป้าหมายในปีนี้ จากปัจจุบันที่เปิดไปแล้ว 85 สาขา พร้อมยังคงแผนขยายสาขาเพิ่มในปีถัดไปประมาณ 2-3 ปีข้างหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การขยายธุรกิจจำนำทะเบียนรถ แต่อย่างไรก็ตาม การขยายดังกล่าวต้องพิจารณาปัจจัยแวดล้อมเป็นรายปี เพื่อให้สามารถปรับตัวได้ทันกับสภาวะที่เปลี่ยนไป
"ในช่วงครึ่งปีแรกผลการดำเนินงานของธนาคารได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้น และค่าใช่จ่ายในการเพิ่มสาขาเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ส่วนในระยะต่อไปธนาคารยังมีความท้าทายทางด้านต้นทุนทางด้านเงินทุนอย่างต่อเนื่องจากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่พอร์ตสินเชื่อหลักจะเป็นสินเชื่อดอกเบี้ยคงที่ โดยต้องดูแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งปีหลังก่อนที่คาดการณ์ว่าจะแตะ 25% ขณะที่แนวโน้มเอ็นพีแอลอาจจะปรับตัวขึ้นบ้างตามกลยุทธ์ที่ธนาคารจะเน้นกลุ่ม High Yield จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่น่าจะบริหารจัดการได้ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ในระดับ 3-4%"
ส่วนการที่คณะกรรมการสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เข้ามาคุมเข้มเพดานสินเชื่อเช่าซื้อ ทำให้ทิสโก้จำเป็นต้องปรับโครงสร้างสินเชื่อมุ่งสินเชื่อที่มีไฮยิลด์สูงแทน อย่างจำนำทะเบียน ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อมีการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้ไม่เน้นมากนัก ส่วนการคุมหนี้ครัวเรือของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกมาล่าสุดไม่กระทบต่อทิสโก้ แต่ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า หาก ธปท.มีเรื่องการกำหนดภาระหนี้ต่อรายได้ (DSR) อย่างชัดเจนอาจจะกระทบธุรกิจทิสโก้ได้
