xs
xsm
sm
md
lg

ASPS มองการเมืองเข้าสู่ช่วงรอยต่อ แม้สัญญาณเริ่มดีขึ้น ทำ SET ยังผันผวน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเซียพลัส มองการเมืองมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลังพรรคเพื่อไทย รวบรวมคะแนนเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้แข็งแรงขึ้น แต่เป็นช่วงเข้าสู่รอยต่อ ที่ทำให้ตลาดผันผวนในกรอบแคบ แนะลงทุนหุ้นอิง ราคา Commodity - หุ้นปันผล และหุ้นอิงการเมือง

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า จากนี้ไปการเมืองจะถึงจุดสำคัญของการที่ต้องตัดสินใจในการจัดตั้งรัฐบาล ภายหลังพรรคเพื่อไทยแถลงว่าจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย ด้วยเสียงตั้งต้น 212 เสียง คือ เพื่อไทย 141 เสียง และภูมิใจไทย 71 เสียง ล่าสุดมีพรรคร่วมอีก 5 พรรค ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง พรรคเพื่อไทยรวมพลัง 2 เสียง พรรคพลังสังคมใหม่1 เสียง และพรรคท้องที่ไทย 1 เสียง และเตรียมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคชาติไทยพัฒนาอีก 10 เสียง ทำให้ขณะนี้มีเสียงรวมกัน 236 เสียง

ดังนั้นต้องหาเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้เกิน 250 เสียงขึ้นไป และต้องมีเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกอีกกว่า 100 เสียงจึงจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้ เพราะฉะนั้นจึงมีทางเลือก 3 ทางดังนี้

1. ได้เสียงจากพรรคก้าวไกล 151 เสียง โดยที่ไม่ได้ดึงมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งจะทำให้มีคะแนนเสียงรวม 387 เสียง(236 + 151 = 387 เสียง)แต่กรณีนี้ความมีเสถียรภาพของรัฐบาลจะต่ำ เนื่องจาก ในที่สุด พรรคก้าวไกลก็จะกลับไปทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้าน

2. เชิญ พรรคพลังประชารัฐ และ / หรือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมีจำนวน ส.ส. 40 และ 36 เสียง ตามลำดับ ซึ่งน่าจะได้เสียงสนับสนุนจาก สว. จนผ่าน 375 เสียง (กึ่งหนึ่งของรัฐสภา) แต่ก็ต้องระวังแรงกดดันนอกสภาฯ

และ 3. สส.มีเอกสิทธิในการโหวตนายกฯ ซึ่งอาจมี สส. บางท่าน โหวตสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย แม้พรรคต้นสังกัดจะไม่ได้ร่วมรัฐบาล กรณีนี้อาจตั้งรัฐบาลได้ แต่ก็จะไม่มีเสถียรภาพในการทำงาน

ในขณะที่อีกประเด็นหนึ่งที่น่าติดตาม คือ การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะพิจารณารับหรือ ไม่รับ คำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ เสนอให้วินิจฉัยการใช้ข้อบังคับการประชุมที่ 41 ของรัฐสภา ในการโหวตเลือกนายกฯ โดยศาลฯ นัดประชุม 16 ส.ค.66 หากไม่มีคำสั่งห้ามใดๆ หรือ ไม่รับไว้พิจารณา ก็น่าจะทำให้กระบวนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในสภาเดินหน้าต่อสุญญากาศทางการเมืองก็จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สั้นลง แต่หากเป็นไปตรงข้าม ก็จะเกิดสุญญากาศทางการเมืองที่ยาว ในช่วงเวลาชองการรอคอยความชัดเจน SET Index มีโอกาสผันผวนในกรอบแคบ และมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบางลงได้

มองตลาดยังมีความผันผวน ตลาดยังแกว่งตัวช่วง 2 สัปดาห์นี้

ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินภาพการเมืองมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่มีความผันผวนอยู่บ้างจากที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาร้องปมเสนอชื่อ “พิธา” ซ้ำ ผิดญัตติหรือไม่ ดังนั้นช่วงเวลาดังกล่าวคาดเห็น Flow ต่างชาติยังไม่ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยฯ และมีโอกาสเห็นตลาดหุ้นไทยแกว่งผันผวนในกรอบแคบช่วง 2 สัปดาห์นี้

อย่างไรก็ตาม ต้นเดือน ส.ค. ตลาดหุ้นไทยกลับมาเผชิญกับช่วงสูญญากาศทางการเมืองอีกครั้ง และยังเป็นช่วงประกาศงบการเงินงวด 2Q66 ซึ่งฝ่ายวิจัยฯประเมินว่าจะลดลงทั้ง QoQ และ YoY ส่งผลให้ SET Index ปรับตัวลง -2.4%(mtd) จาก 1556 จุด ลงมาเหลือ 1518 จุด พร้อมกับ Fund Flow ต่างชาติที่ไหลออก -1.17 หมื่นล้านบาท(mtd)

หากดูรายละเอียดในหุ้นขนาดใหญ่ พบว่า หุ้นที่ลงแรงๆ ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นถูกกดดันจากสูญญากาศทางการเมือง แต่หุ้นที่ Outperform หรือแข็งแรงกว่าตลาดในช่วงนี้เป็นหุ้น Defensive อย่างหุ้นโรงพยาบาล, หุ้น Earning Momentum และหุ้นอิงกับราคา Commodity

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะนำเอนเอียงน้ำหนักมาที่ 1). หุ้นอิงกับราคา Commodity เป็นหลัก ชอบ PTTEP PTTGC TOP 2). หุ้น Defesive ปันผลสูง ADVANC SCB AP 3). หุ้น Earning Momentum PLANB ERW ส่วนหุ้นอิงกับประเด็นทางการเมือง หากย่อตัวลงมาลึกและนำค่อยๆ ทยอยสะสมในช่วงใกล้กับการโหวตนายกฯอีกครั้งหนึ่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น