xs
xsm
sm
md
lg

'สุรพล' เครดิตบูโรเผยหนี้เสียโควิดยังเพิ่ม ลุ้นโค้งสุดท้ายมาตรการเร่งปรับหนี้เพิ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) โพสต์เฟซบุ๊ก "Surapol Opasatien" ถึงกรณีหนี้เสียเนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หรือที่เรียกว่า หนี้เสียรหัส 21 ณ มิถุนายน 2566 

หลังจากที่ผมได้เขียนถึงหนี้เสีย หนี้​ NPLs หนี้ปรับโครงสร้าง​หนี้ หนี้​ TDR หนี้กำลังจะเสียหรือหนี้​ SM ไปแล้ว​ ได้มีผู้คนสนใจส่งคำถามมายังผมถึงเรื่องลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ​จจากโควิด-19 จนกลายเป็นหนี้เสีย​ ที่เราๆ ท่านๆ เรียกว่าหนี้เสียรหัส​ 21​ นั้นว่า​ ณ​ มิถุนายน​ 2566​ นั้นเป็นอย่างไร

จากภาพข้อมูล​ที่นำเสนอด้านล่างจะเห็นว่า​ จากหนี้เสีย หนี้​ NPL​s ทั้งหมด​ 1.03 ล้านล้านบาท​นั้น​ เป็นหนี้เสียรหัส​ 21​ มีจำนวน​ 3.7 แสนล้านบาท​ คิดเป็นจำนวนรายลูกหนี้​ 3.4 ล้านคน​ ข้อสังเกต​ที่สำคัญคือ​ จากไตรมาสที่​ 1 ​ปี​ 2566​ หรือเมื่อ 3 เดือนก่อนตัวเลข​มันอยู่ที่​ 3.1 แสนล้านบาท​ การเพิ่มของจำนวนเงินและจำนวนรายทั้งๆ ที่มีการเร่งปรับโครงสร้าง​หนี้​ตามมาตรการแบบมุ่งเป้าอย่างเต็มกำลัง​ สะท้อนให้​เห็น​ถึงความอ่อนแรงของความสามารถ​ในการชำระหนี้​ของลูกหนี้กลุ่มนี้ที่ชัดเจน​ คำถามคือในระยะเวลาที่เหลือก่อนชักเอามาตรการปรับโครงสร้าง​หนี้​ระยะยาวหรือมาตรการฟ้าส้ม​ออกไปในปลายปี​ ธันวาคม​ 2566 นี้​ จะส่งผลให้เกิดความอืด ความหนืดในการเร่งจัดการหนี้เสียเป็นหนี้ดีตามที่มุ่งหวังหรือไม่​

ผมได้แต่ภาวนาให้ลูกหนี้เกรดดีๆ ในช่วงก่อนโควิดเหล่านี้ได้มีโอกาสกลับมาเป็นหนี้ดีได้อีกครั้ง​ และหากจะมีมาตรการที่ชัดเจน​ ถูกฝาถูกตัวออกมาสำหรับกลุ่มนี้เพิ่มเติม​ ไม่ตัดออกก็จะเป็นกุศลสำหรับเศรษฐกิจ​ไทยเป็นอย่างยิ่ง​

ก่อนหน้านี้ นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) โพสต์เฟซบุ๊ก "Surapol Opasatien" ถึงหนี้เสีย, หนี้มีปัญหา หนี้​ NPLs หนี้ปรับโครงสร้าง

1.ณ​ สิ้นเดือนมิถุนา​ยน​ 2566 จากการประมวลผลจากฐานข้อมูล​สถิติที่เอาตัวตนออกไปแล้วของเครดิตบูโร​พบข้อเท็จจริงว่า​ หนี้ครัวเรือนไทยทั้งก้อนหลังการปรับปรุงข้อมูล​โดย ธปท.​ เรามีตัวเลขอยู่ที่​ 15.96 ล้านล้านบาท ​คิดเป็น​ 90.6% ของ​ GDP ที่สะท้อนว่าเศรษฐกิจ​ของเรามีปัญหาในเรื่องนี้
เรามีปัญหาแล้ว
เรามีปัญหาอยู่
เรามีปัญหาต่อ (อีกสักพัก)​
เรายังออกจากกับดักตรงนี้ไม่ได้​ในเวลานี้

2.ตัวเลขหนี้ครัวเรือนไทย​ 13.45 ล้านล้านบาท จัดเก็บอยู่ในระบบของเครดิตบูโร​ครับ​ ครอบคลุม​ 32 ล้านลูกหนี้​ที่เป็นหนี้กับสถาบันการเงิน​ไทยกว่า​ 135 แห่ง​

หนี้เสียไปแล้วรอการแก้ไขในตอนนี้กลับมาแตะระดับ​ 1 ล้านล้านบาทอีกครั้งในเดือนมิถุนา​ยน​ 2566​ ที่ระดับ​ 1.03 ล้านล้านบาท คิดเป็น​ 7.7% เมื่อไตรมาส​ 1 ปี​ 2566​ มันอยู่ที่​ 9.5 แสนล้านบาทครับ​ คำถามคือมันจะไปต่อหรือไม่​ คำตอบคือมันต้องไปต่อแน่ด้วยสถานการณ์​ทางเศรษฐกิจ​แบบยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่และทั่วถึง​ ประกอบกับจะมีการชักคืนมาตรการช่วยเหลือออกตามแผน​ แล้วกลับไปใช้มาตรการ​ตามปกติเดิมมารองรับ​ ตามการคาดการณ์​จะไม่ไหลมาแบบรุนแรง​ แต่มีโอกาสเพิ่มแน่ๆ​ ท่านที่สนใจพิจารณา​ได้จากกราฟสีแดงที่ปรากฏในภาพด้านล่างนะครับ

หนี้ตัวที่สองคือหนี้เสียที่เอาไปปรับโครงสร้าง​ เอาไป​ซ่อม​ เพื่อให้กลับมาเป็นหนี้ดี​ จ่ายได้​ ตรงนี้มีจำนวน​ 9.8 แสนล้านบาทครับ​ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา​ที่อยู่ที่ระดับ​ 8 แสนล้านบาท​ แน่นอนว่ามาจากการเร่งเข้าไปช่วยเหลือ ช่วยปรับโครงสร้าง​หนี้​ตามมาตรการที่ออกแบบมาโดย ธปท.​ ดูว่ากราฟมันเชิดหัวขึ้น​ ถ้าปรับแล้วรอดก็เป็นหนี้ดี ถ้าปรับแล้วทำไม่ได้​ ยังจ่ายไม่ได้ก็ต้องปรับอีกหรือปล่อยไหลเป็นหนี้เสีย​

3.ไส้ในของหนี้ที่เสียไปแล้วหรือหนี้​ NPL​s ประกอบด้วย​
หนี้กู้ซื้อรถยนต์​เกือบ​ 2 แสนล้านบาท​ หนี้กู้ซื้อบ้าน​ ที่อยู่​อาศัย​ 1.8 แสนล้านบาท​ หนี้​ Ploan 2.5 แสนล้านบาท​ บัตรเครดิต​ 5.6 หมื่นล้านบาท​ หนี้เกษตร​ 7.2 หมื่นล้านบาท​ เป็นต้น​ ที่น่าสังเกตคือหนี้กู้มาซื้อรถยนต์​นั้นมันเพิ่มขึ้นจากกลางปีที่แล้ว​ มิถุนายน​ 2565​ สูงถึง 18% อันนี้ต้องยอมรับว่ากลิ่นไม่ค่อยดี

แม้ว่าทุกๆ คนกำลังรอกลิ่นแห่งความเจริญงอกงามทางเศรษฐกิจในอนาคตตามที่แต่ละคนวาดหวัง ​แต่กลิ่นแห่งความเป็นจริงวันนี้และในระยะอันใกล้มันส่งผ่านตัวเลขออกมาแบบทำให้ไม่สบายใจ​ ไม่สบายเนื้อสบายตัวเอาเสียเลยในเวลานี้

เส้นกราฟหนี้ที่กำลังจะเสีย​ หนี้กล่าวถึง​เป็นพิเศษ​ หนี้​ SM​ กราฟปักหัวลงจาก​ 6 แสนล้านบาท​ มาเป็น​ 4.75 แสนล้านบาท​ พระเอกยังคงเป็นหนี้กู้มาซื้อรถยนต์​นะครับ​ 2 แสนล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น