เกาหลีใต้เปิดตัวศูนย์สืบสวนร่วมสำหรับอาชญากรรมด้านคริปโตเคอร์เรนซี (Joint Investigation Centre for Crypto Crimes) หวังสกัดกั้นอาชญากรรมไซเบอร์ที่เชื่อมโยงสกุลเงินดิจิทัล ท่ามกลางกิจกรรมผิดกฎหมายในตลาดที่พุ่งสูงขึ้น และการขาดการคุ้มครองทางกฎหมายสำหรับนักลงทุน
เอเยนซี่ - สำนักงานอัยการเกาหลีใต้ระบุในแถลงการณ์ว่า ศูนย์สืบสวนร่วมสำหรับอาชญากรรมคริปโต ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์และระบบบล็อกเชนประมาณ 30 คน อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ร่วมที่โอนย้ายมาจากหน่วยต่าง ๆ ได้แก่ ตุลาการ การเงิน ภาษี และศุลกากร เข้ามาร่วมในหน่วยงานนี้
อย่างไรก็ดี ศูนย์สืบสวนร่วมสำหรับอาชญากรรมคริปโตที่ตั้งขึ้นมาใหม่นี้ จะเข้ามาชุดอุดช่องโหว่ด้านอาชญากรรมไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล และจะมีส่วนช่วยในการการคุ้มครองนักลงทุนอย่างมาก ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งจนกว่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซีจะถูกควบคุมภายใต้กฎหมายอย่างเบ็ดเสร็จ
“สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ที่มีลักษณะคล้ายกับหลักทรัพย์ แต่ผู้เข้าร่วมในตลาดดังกล่าว กลับแทบไม่ได้รับการการคุ้มครองทางกฎหมายเนื่องจากยังเป้นรูปแบบการลงทุนใหม่ และหลักเกณฑ์และกฏหมายต่างๆก็ยังใหม่ ซึ่งยังไม่สมบูรณ์พร้อม และจะต้องมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกันอย่างต่อเนื่อง” สำนักงานอัยการกล่าว
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า ความเสียหายจากอาชญากรรมในประเทศเกาหลีใต้ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซีนั้น มีอัตราเพิ่มขึ้นถึง 118% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีความเสียหายรวมกว่า 1.02 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 797.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2565 โดยอาชญากรรมมีหลากหลายประเภท ตั้งแต่การปั่นราคาเหรียญ ไปจนถึงการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย และอาชญากรรมแบบแชร์ลูกโซ่ (Ponzi Scheme)
ทั้งนี้ นโยบายของศูนย์สืบสวนร่วมสำหรับอาชญากรรมคริปโต จะมุ่งเน้นไปที่การจัดการกับอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโต ที่มีความผิดปกติ เช่นมีความผันผวนของราคาสูง หรือสกุลเงินที่ถูกถอดถอนออกจากแพลตฟอร์มการซื้อขาย โดยจะตรวจสอบการซื้อขายที่ผิดกฎหมาย การหลีกเลี่ยงภาษี การโอนเงินข้ามพรมแดนโดยไม่ได้รับอนุญาต การซ่อนผลกำไรที่ได้จากการก่ออาชญากรรม และการฟอกเงิน
อย่างไรก็ดี ตลาดคริปโตในประเทศเกาหลีใต้ ในอดีตถูกจัดให้เป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก แต่จากความเข้มงวดของรัฐบาล และวิกฤติตลาดคริปโตในปีที่ผ่านมา ทำให้มูลค่าการลงทุนในตลาดคริปโตเกาหลีวใต้หดตัวลง 66% ในปี 2565 เมื่อวัดจากมูลค่าของตลาด เนื่องจากปัญหาด้านคริปโต ระดับโลกจำนวนมาก และปัญหาภายในประเทศได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน นอกเหนือไปจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ การเกิดปัญหาในประเทศที่ใหญ่ที่สุดและส่งผลต่อความเชื่อมั่นเชิงลบต่อเกาหลีใต้คือ คือการล่มสลายของเทอร์รายูเอสดี (TerraUSD) และลูน่า (Luna) ที่เชื่อกันว่าเป็นคริปโต ที่มีความมั่นคงสูงเมื่อเดือน พ.ค. 2565 ซึ่งทำให้ นายโด กวอน ผู้พัฒนาสองสกุลเงินคริปโตดังกล่าว ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกง และสร้างความไม่พอใจอย่างมากต่อสาธารณชน โดยนายกวอนได้หลบหนีไปยังหลายประเทศทั่วโลก ก่อนถูกจับกุมตัวได้ที่ประเทศมอนเตเนโกร อีกทั้งยังถูกดำเนินคดีฐานฉ้อโกงในสหรัฐด้วยเช่นกัน
รายงานยังระบุอีกว่า ในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีทั่วตลาดเกาหลีใต้นั้นพบว่า มีการทำธุรกรรมที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 1,263% สู่ระดับ 900 ครั้งในปี 2565 จากระดับ 66 ครั้ง ในปี 2564