จำนวนพนักงานในอุตสาหกรรมคริปโตทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 160% นับจากปี 2019 โดยส่วนใหญ่อยู่ในบริษัทขนาดกลางและเล็ก และราว 30% ทำงานอยู่ในอเมริกา กระนั้น แอฟริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังผงาดขึ้นมาเป็นฮับสำคัญ ขณะที่เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีการยอมรับคริปโตมากที่สุด
รายงานฉบับใหม่จากสตาร์ทอัพวิจัยด้านคริปโต K33 ประเมินว่า จำนวนพนักงานที่ทำงานในอุตสาหกรรมคริปโตในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 190,000 คน จากตัวเลขประมาณการที่ราว 73,000 คนในปี 2019 หรือเพิ่มขึ้นเฉียด 160%
จำนวนพนักงานในอุตสาหกรรมคริปโตเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2021 ที่ 211,000 คน ซึ่งเกิดขึ้นควบคู่กับที่ราคาบิตคอยน์พุ่งทำสถิติสูงสุดที่ 68,000 ดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน
นอกจากนี้แม้จำนวนพนักงานในอุตสาหกรรมคริปโตลดลงราว 11% นับจากปี 2021 แต่ยังสูงกว่าเมื่อ 4 ปีก่อน และดูเหมือนว่า จำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นจะสอดรับกับไดนามิกของราคาบิตคอยน์ที่ทะยานขึ้นกว่า 300% จากราคาเฉลี่ยต่อปีที่ประมาณ 7,200 ดอลลาร์ในปี 2019 ทั้งนี้ จากข้อมูลของคอยน์เก็กโค
พนักงานส่วนใหญ่ทำงานในบริษัทขนาดกลางและเล็ก ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ใช้รูปแบบการทำงานจากระยะไกลและเข้าไปก่อตั้งธุรกิจในภูมิภาคที่มีกฎระเบียบเป็นมิตรกับคริปโต
พนักงานในอุตสาหกรรมคริปโตประมาณ 30% อยู่ในอเมริกา กระนั้น แอฟริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังผงาดขึ้นมาเป็นฮับสำคัญ
พนักงานเกือบ 20% จากทั้งหมด 190,000 คนทำงานในโครงการที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมบนบล็อกเชน และพนักงานส่วนใหญ่คือ 62,000 คนทำงานในส่วนโบรกเกอร์และกระดานเทรดคริปโต และ 48,500 คนอยู่ในส่วนบริการทางการเงินเกี่ยวกับคริปโต
จำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นยังสอดคล้องกับการยอมรับคริปโต โดยเอเชียและออสเตรเลียมีเจ้าของคริปโตนำโด่งถึง 262 ล้านราย ตามด้วย 54 ล้านรายในอเมริกา
การผ่านกฎระเบียบในเอเชียเมื่อเร็วๆ นี้อาจช่วยส่งเสริมการยอมรับคริปโตเพิ่มมากขึ้น คาเมรอน วิงเคิลวอส ผู้ร่วมก่อตั้งเจมิไน ทำนายว่า ตลาดกระทิงรอบต่อไปจะเริ่มต้นขึ้นในเอเชียซึ่งดูเหมือนเชื่อมโยงกับสถิติการเป็นเจ้าของคริปโตในภูมิภาคนี้
ขณะเดียวกัน อินเดียและจีนครอบงำการจ้างงานในอุตสาหกรรมคริปโตในเอเชีย โดยมีไบแนนซ์, OKX และ Crypto.com เป็นนายจ้างรายใหญ่
รายงานการเติบโตของฐานพนักงานในอุตสาหกรรมคริปโตมีขึ้นขณะที่บริษัทหลายแห่งขยายการดำเนินงานไปยังภูมิภาคใหม่ๆ
ตัวอย่างเช่น ไบแนนซ์หวนคืนตลาดญี่ปุ่นอีกครั้งโดยอาศัยจังหวะที่มีการทบทวนกฎระเบียบควบคุมคริปโต หลังจากเว็บเทรดสกุลเงินดิจิตอล Mt. Gox ล้มในปี 2014 นอกจากนั้นไบแนนซ์ยังเข้าไปทำธุรกิจในคาซัคสถานท่ามกลางการสอบสวนของหน่วยงานกำกับดูแลของอเมริกา
เมื่อเร็วๆ นี้เจมิไน เอ็กซ์เชนจ์ประกาศขยายปฏิบัติการในสิงคโปร์โดยว่าจ้างพนักงานเพิ่ม 100 คน และกำลังพิจารณาจุดหมายปลายทางใหม่คือฮ่องกงและสหราชอาณาจักร
เซอร์เคิล ผู้ออกเหรียญ USDC ยืนยันเมื่อต้นปีว่า ต้องการว่าจ้างพนักงานเพิ่มอีก 25% ในปีนี้
ในทางกลับกัน ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมคริปโตปลดคนหลายระลอก ซึ่งรวมถึงคอยน์เบส, ไบแนนซ์, Crypto.com, แดปเปอร์ แลบส์ และคราเคน
ตามรายงานที่เผยแพร่ออนไลน์ ไบแนนซ์ปลดพนักงานกว่า 1,000 คนเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน หลังจากประกาศลดจำนวนพนักงานในเดือนพฤษภาคม
ขณะเดียวกัน แม้บริษัทชั้นนำบางแห่งปลดพนักงานหลายพันคน แต่บริษัทคริปโตยักษ์ใหญ่บางแห่งไม่เคยว่าจ้างพนักงานเกิน 100 คน ตัวอย่างเช่น เทเธอร์ ผู้ออก USDT ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ใหญ่ที่สุดในโลกและคริปโตที่มีการเทรดมากที่สุด ที่มีพนักงานแค่ 60 คน