xs
xsm
sm
md
lg

"ภูมิพัฒน์ฯ" ทุ่มพันล้านรุกชิงแชร์ตลาดรีเทล ปั้น "เดอะ สเฟีย" แลนด์มาร์กใหม่เส้นเพชรเกษม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"อัญรินทร์ ชลสายพันธ์" ผู้บริหารคนรุ่นใหม่ มากความสามารถ เดินหน้าสร้างอาณาจักรครั้งใหญ่ ต่อยอดธุรกิจหลักส่งออกผ้าหนังเทียมรายใหญ่ของไทย และอพาร์ตเมนต์ที่มีถึง 1,000 ยูนิต พร้อมรับการเติบโต งัดที่ดินครอบครัว 30 ไร่ พัฒนาโครงการคอมมูนิตี มอลล์ ขนาดใหญ่ครั้งแรก ชูแบรนด์ The Spheres Phetkasem เส้นเพชรเกษม-อ้อมน้อย แลนด์มาร์กแห่งใหม่ แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ของคนในพื้นที่ วางเป้าเฟสแรกบนเนื้อที่ 18 ไร่ เสร็จสมบูรณ์ ให้บริการกลางปี 2567 คาดหลังปีที่ 2 ตัวเลขผู้เข้ามาใช้บริการโตไม่ต่ำกว่า 10% กางตัวเลขรายได้ของกลุ่มร่วมโปรเจกต์ใหม่ราว 1,160 ล้านบาท แย้มมีที่ดินโซนเพชรเกษมกว่า 4 ไร่ อาจพัฒนาคอนโดฯ หากโอกาสมาถึง

น.ส.อัญรินทร์ ชลสายพันธ์ ผู้จัดการ บริษัท ภูมิพัฒน์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกผ้าหนังเทียมรายใหญ่ของเมืองไทย กล่าวถึงเหตุผลที่ตัดสินใจแตกไลน์ธุรกิจเข้ามาเป็นผู้เล่นในธุรกิจคอมมูนิตี มอลล์ (Community Mall) โดยลงทุนครั้งใหญ่กับการพัฒนาโครงการ The Spheres Phetkasem (เดอะ สเฟีย) ว่า เราเห็นว่าทำเล เพชรเกษม อ้อมน้อยเป็นที่น่าจับตามองและน่าลงทุน เนื่องจากการขยายตัวของระบบขนส่งมวลชนโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-หลักสอง และบางซื่อ-ท่าพระ ได้เปิดให้บริการ ทำให้เชื่อมการเดินทางในพื้นที่ฝั่งธนบุรี และต่อเนื่องไปถึงพื้นที่ชานเมืองอย่างจังหวัดสมุทรสาครและนครปฐม

อีกทั้งในอนาคตจะมีการก่อสร้างส่วนต่อขยายจากสถานีหลักสอง (บางแค)-พุทธมณฑลสาย 4 ซึ่งจะส่งผลให้ราคาที่ดินในทำเลแนวรถไฟฟ้าปรับพุ่งสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 6% อย่างแน่นอน โดยเฉพาะทำเลถนนเพชรเกษม-อ้อมน้อย ทำให้สามารถเชื่อมต่อเข้าใจกลางเมืองได้สะดวก เนื่องจากเป็นย่านสำคัญที่เป็นแหล่งอุตสาหกรรม ตลาดแรงงานขนาดใหญ่ ทำให้มีดีมานด์ความต้องการที่อยู่อาศัยตามมา

"จากผลสำรวจความต้องการของคนในพื้นที่เพชรเกษม-อ้อมน้อย โดยเฉพาะฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ทำให้เห็นถึงความจำเป็น และความต้องการมีจุดแลนด์มาร์ก แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ของคนในพื้นที่ อีกทั้งภูมิพัฒน์ แมนเนจเม้นท์ ได้ดำเนินธุรกิจในย่านอ้อมน้อย สมุทรสาคร มาหลายเจเนอเรชัน บริษัทฯ จึงต้องการนำพื้นที่ของครอบครัวมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อคนในพื้นที่ ทำให้เป็นจังหวะที่เหมาะสมในการก้าวเข้ามาปั้นโครงการรีเทล ภายใต้ชื่อ The Spheres Phetkasem บนคอนเซ็ปต์การออกแบบแนวไบโอฟิลิก (Biophilic) โดยมุ่งมั่นให้เป็นสถานที่อำนวยความสะดวก เพื่อสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในพื้นที่ ผู้อาศัยและผู้ทำงานในรัศมี 10 กิโลเมตรโดยรอบ และเป็นโครงการที่มีมูลค่าการลงทุนที่สูงแตะ 1,000 ล้านบาท โดยขณะนี้เริ่มปรับหน้าดินเพื่อพัฒนาในเฟสแรกบนที่ดินขนาด 18 ไร่ จากทั้งหมด 30 ไร่ ในส่วนที่ติดริมถนนเพชรเกษม ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ โครงการมีขนาด 11,000 ตารางเมตร สามารถรองรับร้านค้าได้มากถึง 150 ร้าน มีการออกแบบจัดให้มีพื้นที่โซน Food : Non-Food อยู่ที่ 70:30 รวมถึงยังมีพื้นที่จอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์กว่า 550 คัน"

ทั้งนี้ หากวิเคราะห์ตามสัดส่วนฐานประชาชนในพื้นที่ และทำเลโดยรอบโครงการในช่วงรัศมี 5-10 กิโลเมตร จะพบว่าโครงการ The Spheres Phetkasem ตั้งอยู่ในทำเลย่านเศรษฐกิจและมีศักยภาพ มีโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปและส่งออกจำนวนมาก รวมแล้วกว่า 9,300 โรงงาน ขณะที่โครงการที่พักอาศัยในรัศมีนี้จะมีราคาตั้งแต่ 2.9 ล้านบาท ไปจนถึงราคา 20 ล้านบาท มากกว่า 85,731 หลังคาเรือน และเชื่อมเส้นทางผ่านไปสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายของนักท่องเที่ยว จึงทำให้บริษัทฯ เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีฐานรายได้ B+ ขึ้นไป


"แม้ภาพรวมตลาดคอมมูนิตี มอลล์สำหรับในหลายพื้นที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือด และบริษัทฯ เพิ่งจะเริ่มมาดำเนินธุรกิจคอมมูนิตี มอลล์ครั้งแรก แต่มั่นใจในการลงทุนครั้งนี้ เนื่องจากมีที่ปรึกษามืออาชีพมาช่วย อีกทั้งทำเลเส้นเพชรเกษม-อ้อมน้อย ในตอนนี้ยังมีผู้เล่นน้อย จึงยังเป็นทำเลที่น่าลงทุน บวกกับจุดแข็งการคัดเลือกผู้เช่า ที่ทำให้โครงการมีความโดดเด่นในด้านต่างๆ"

สำหรับโครงการ The Spheres Phetkasem คาดเสร็จทันในช่วงปลายปี 2566 นี้ เพื่อทำการส่งมอบพื้นที่ให้ร้านค้าผู้เช่าสำหรับเข้าตกแต่งได้ในช่วงต้นปีหน้า และเสร็จสมบูรณ์ให้บริการช่วงกลางปี 2567 คาด ช่วงแรกวันธรรมดาจะมีผู้มาใช้บริการประมาณ 3,000 คนต่อวัน และวันเสาร์ อาทิตย์ประมาณ 5,000 คนต่อวัน คาดปีที่ 2 เป็นต้นไปผู้เข้ามาใช้บริการจะเติบโตขึ้นไม่น้อยกว่า 10% และจะใช้ระยะเวลาประมาณ 7-8 ปี จึงจะถึงจุดคุ้มทุน

น.ส.อัญรินทร์ กล่าวถึงธุรกิจผ้าหนังเทียมว่า การแข่งขันรุนแรง มีผู้เล่นจากประเทศจีนและผู้ผลิตในประเทศเข้ามาแข่งขัน ส่งผลให้มาร์จิ้นปรับลดลง แต่บริษัทยังเติบโตได้ทุกปี แต่ละปีจะมีรายได้ร่วม 1,000 ล้านบาท ส่วนธุรกิจให้บริการอพาร์ตเมนต์ มีอยู่ 3 ทำเล ได้แก่ ย่านศาลายา พญาไท และท่าทราย จ.สมุทรสาคร มีห้องให้บริการ 1,000 ยูนิต มีรายได้รวมต่อเดือนประมาณ 5 ล้านบาท หรือประมาณ 60 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ธุรกิจรีเทล ที่บริษัทเข้ามาลงทุนคาดว่าในระยะสั้นจะมีรายได้ราว 100 ล้านบาทได้

นอกจากนี้ บริษัทยังมีที่ดินสะสม (แลนด์แบงก์) อยู่ในแนวรถไฟฟ้าและในเมืองท่องเที่ยว เช่น โซนเพชรเกษม เนื้อที่ 4 ไร่ ซึ่งเหมาะในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม แต่ต้องรอจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม ที่ดินใกล้วัดเสมียนนารี เนื้อที่ 5 ไร่ และแปลงที่ หัวหิน เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น