“LWS วิสดอม” ชี้ “ราชพฤกษ์” ทำเลศักยภาพในการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบ ติดรถไฟฟ้าสายสีม่วง ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการบ้านในทำเลฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ สะดวกสบายด้วยการคมนาคม เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และรองรับ Life Style ของคนทุกวัย
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ภายหลังการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ส่งผลให้การใช้ชีวิตในสังคมเมืองมีการปรับตัวไปในรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า New Normal หรือวิถีชีวิตใหม่ ทั้งเรื่องการทำงาน และการอยู่อาศัย
โดยหนึ่งในวิถี Next Normal ที่น่าสนใจคือ Stay-at-home Economy หรือระบบเศรษฐกิจการใช้จ่าย และการบริโภคภายในบ้าน อย่างการสั่งอาหารและสินค้าผ่านบริการ Delivery online หรือสื่อบันเทิงที่ใช้เทคโนโลยี VR (Virtual Reality) มาใช้ องค์กรการทำงานหลายองค์กรที่ใช้การทำงานแบบ Work from home ได้นำระบบนี้มาใช้อย่างจริงจัง
ดังนั้น บ้านจึงไม่ได้เป็นแค่ที่อยู่อาศัย แต่ยังกลายเป็นที่ทำงาน ห้องประชุม และรองรับกิจกรรมผ่อนคลายต่างๆ ผ่านการใช้งานผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย คนรุ่นใหม่จึงมองหาที่อยู่อาศัยที่สามารถตอบโจทย์ทั้งการพักผ่อน การทำงาน และทำกิจกรรมต่างๆ ที่ได้
จากการสำรวจของของฝ่ายวิจัยอสังหาริมทรัพย์ LWS พบว่า ทำเล “ราชพฤกษ์” เป็นทำเลน่าสนใจสำหรับการหาที่อยู่อาศัยแนวราบ เนื่องจากมีการพัฒนาโครงข่ายการคมนาคม มีรถไฟฟ้ารองรับในย่านราชพฤกษ์ 4 เส้นทาง
เมื่อดูจากเส้นทางการเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีม่วงแล้ว ทำเลโซน “ราชพฤกษ์” เป็นทำเลยุทธศาสตร์ของเขตปริมณฑลฝั่งตะวันตก เพราะเป็นทำเลที่มีถนนที่เชื่อมต่อกับถนนสายหลักและสายรอว และสะดวกการเชื่อมต่อเมืองด้วยรถไฟฟ้าสายม่วงตลอดสาย เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกความต้องการ ทำให้การเดินทางที่สะดวกอยู่แล้วยิ่งสะดวกมากกว่าเดิม
นอกจากนี้ ย่านราชพฤกษ์ยังเป็นย่านที่ประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก สถานบันเทิง มีโรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล
โดยจากการสำรวจพบว่า มีโครงการบ้านพักอาศัยระดับราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทในทำเลรอบพื้นที่ศึกษาบริเวณราชพฤกษ์ตอนกลาง มีจำนวนทั้งหมด 7 โครงการ จำนวน 616 หน่วย ราคาขายเริ่มต้นที่ 5.5 ล้านบาท ขายไปแล้วทั้งสิ้น 166 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 27% ของจำนวนที่เปิดขายทั้งหมด โดยมีอัตราการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 2 หน่วยต่อเดือนต่อโครงการ จากจำนวนหน่วยที่เหลือคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการขายไม่เกิน 2.5 ปี
ในส่วนของราคาที่ขายดีมีราคาอยู่ที่ 5.5 ล้านบาท และไม่เกิน 6 ล้านบาท รูปแบบของบ้านที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 คือ บ้านแฝด ขนาดของที่ดินอยู่ที่ 37 ตร.ว. อันดับ 2 คือ บ้านเดี่ยว ขนาดที่ดินอยู่ที่ 60 ตร.ว. รูปแบบบ้านที่ขายดีคือ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และมีห้องอเนกประสงค์ เพื่อปรับเปลี่ยนตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย
ในขณะที่การสำรวจตลาดบ้านมือสองในทำเล พบว่า มีราคาต่ำลงจากช่วงตอนเปิดตัวโครงการ อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนติดลบเฉลี่ยที่ 0.63% เนื่องจากมีโครงการที่อยู่อาศัยพัฒนาใหม่จำนวนมากและมีระดับราคาไม่แตกต่างกัน ทำให้ผู้ซื้อมีแนวโน้มเลือกซื้อโครงการเปิดตัวใหม่ โดยบ้านมือสองที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นประเภทบ้านเดี่ยว ขนาดที่ดินเริ่มต้น 51 ตร.ว. รูปแบบมาตรฐาน 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ อัตราเช่าเฉลี่ยในทำเลที่ 10%
โดยทำเลราชพฤกษ์เป็นทำเลที่มีประชากรในพื้นที่เกือบ 600,000 คน เป็นประชากรในพื้นที่ประมาณ 415,000 คน และมีประชากรแฝงประมาณ 150,000 คน และเป็นกลุ่มประชากรที่มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 50,000-200,000 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีกำลังซื้อสูง โดยเป็นกลุ่มคนที่ทำงานในบริษัทและเจ้าของกิจการ จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการอสังหาฯ ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านพักอาศัยทั้งทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว ที่ระดับราคาไม่เกิน 5-10 ล้านบาท
“ทำเลราชพฤกษ์เป็นทำเลที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทั้งการคมนาคม ศูนย์การค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน จึงเป็นทำเลที่ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ซื้อโดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อที่เป็นคนทำงานที่ต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบที่สามารถเชื่อมต่อไปยังกลางเมืองได้ ในขณะที่ระดับราคาบ้านพักอาศัยที่น่าสนใจในทำเลนี้ยังตอบรับกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จะเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย โดยเน้นการพัฒนาที่ตอบรับการอยู่อาศัยในแบบ Next Normal ทั้งการทำงานที่บ้านได้ และนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้ในการอยู่อาศัยในอนาคต”