สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติใบอนุญาตผู้ประกอบธุรกิจนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด หรือ MAXBIT ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) โดย “ปกเขตร รัชกิจประการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MAXBIT เตรียมจัดตั้งธุรกิจนายหน้าขายสินทรัพย์ดิจิทัล เริ่มให้บริการซื้อขายคริปโตฯ-โทเคนได้ภายในเดือน ต.ค.2566 ภายใต้งบลงทุนของเครือ PTG ราว 160 ล้านบาท วางเป้า 1 ปี ขึ้นแท่นเบอร์ 2 ครองมาเกตแชร์ 10%
นายปกเขตร รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด หรือ MAXBIT เปิดเผยว่า ก.ล.ต. อนุมัติใบอนุญาตเป็นนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลให้ MAXBIT แล้ว 2 ใบอนุญาต ได้แก่ 1.ไลเซนส์ดิจิทัลแอสเซจโบรกเกอร์ และ 2.ไลเซนส์คริปโตเคอร์เรนซีโบรกเกอร์ โดยสามารถซื้อขายได้ทั้งโทเคนดิจิทัล และคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่ง Maxbit พร้อมที่จะจัดทัพลุยธุรกิจทินทรัพย์ดิจิทัล โดยขั้นตอนต่อไปช่วง 3 เดือนจะเปิดให้ทาง ก.ล.ต.เข้ามาตรวจสอบระบบวิธีการทำงานก่อนจะออกใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจอย่างเป็นทางการ ตั้งเป้าจะประกอบธุรกิจและเริ่มมีรายได้เข้ามาภายใน 4 เดือน คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ภายในเดือนตุลาคม 2566
บริษัทได้ดำเนินการ่วมกับบริษัทแม่ PTG ที่เริ่มจากฐานข้อมูลใน Ecosystem โดยเฉพาะสมาชิกบัตร MAX card ที่มีอยู่ 18 ล้านราย ที่จะสามารถเข้าถึงนำเสนอบริการให้สมาชิกเพื่อต่อยอด เบื้องต้น อาจจะมีแคมเปญร่วมกัน ที่บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในแพลตฟอร์มของเรากับพอยนต์ใน MAX card ที่สามารถนำไปใช้ใน Ecosystem ของเครือ PTG ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งที่บริษัทมีฐานสมาชิกอยู่จำนวนมากจากบัตร คาดว่าจะสามารถนำเสนอบริการให้ลูกค้ากลุ่มประมาณ 1.5 แสนราย เน้นในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
บริษัทใช้งบลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์ม MAXBIT ประมาณ 160 ล้านบาท เพื่อพัฒนาหลังบ้านให้มีความโดดเด่น และแตกต่างจากรายอื่นๆ รวมทั้งยังสร้างความปลอดภัยให้แก่นักลงทุนของ MAXBIT ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการให้บริการและความเชื่อมั่นด้วย ซึ่งปัจจุบันตลาดคริปโตฯ ส่งสัญญาณกลับตัวมาเป็นที่สนใจของนักลงทุนอีกครั้ง ซึ่งมีการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 50,000-55,000 ล้านบาทต่อเดือน จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ประมาณ 30,000-35,000 ล้านบาทต่อเดือน และถ้าหากย้อนกลับไปในช่วงขาขึ้นของตลาดคริปโตฯ จะสูงถึง 90,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการดำเนินธุรกิจ เพราะสถิติของธุรกิจตลาดคริปโตฯ ในทุกๆ 4 เดือนจะวนกลับมาซื้อขายกันอีกรอบ ดังนั้น หากในอนาคตตลาดคริปโตฯ กลับซื้อขายสูงสุดอีกครั้ง Maxbit จะสามารถสร้างรายได้จากค่าคอมมิชชันเป็นจำนวนมากแน่นอน โดยตั้งเป้าไว้ว่าในช่วง 1 ปี จะมีสมาชิกเทรดประมาณ 300,000 ราย และมีมาร์เกตแชร์โตประมาณ 10% เพื่อก้าวสู่เบอร์ 2 ของกลุ่มตลาดนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย
สำหรับเหรียญที่จะให้บริการเทรดบนแพลตฟอร์มของ Maxbit จะมีครบทุกเหรียญที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะ Top 10 ซึ่งจะคัดเลือกผ่านการทำมาร์เกตรีเสิร์ช รวมถึงโทเคนต่างๆ เน้นที่มีสินทรัพย์เป็นแบ็กอัป รวมถึง คาร์บอนเครดิต หากได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ซึ่งจะหารือกับพันธมิตรที่จะนำมาเทรดในแพลตฟอร์มด้วย คาดว่าในช่วงเริ่มต้นจะเปิดให้เทรดสินค้าราว 21 ตัว ปัจจุบันวงการเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยมีเจ้าที่เป็น Market Leader อยู่แล้ว ซึ่ง Data ณ ปัจจุบันบริษัทที่อยู่อันดับ 1 ครองมาร์เกตแชร์ ประมาณ 85% และอันดับ 2 มีมาร์เกตแชร์ราว 7-8% ส่วนที่เหลือแบ่งกันตามรายที่เหลืออีก 2-3 ราย สิ่งที่ Maxbit ต้องพยายามชิงมาร์เกตแชร์เพื่อขึ้นมายืนเป็นอันดับ 2 ให้ได้ภายใน 2 ปี
นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG กล่าวว่า ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ PTG ได้มองถึงโอกาสและธุรกิจใหม่ที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน โดยเป็นช่องทางใหม่ของโลกอนาคต ในแง่ของภูมิทัศน์ใหม่ PTG ต้องเชื่อมโยงหรือสนับสนุนต่อยอดสามารถใช้ Maxbit เข้ามาช่วยสำหรับในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยง Ecosystem หรือการระดมทุน หรือการออกโทเคน ซึ่งไม่ใช่แค่การระดมแค่ภายในประเทศ แต่อาจมองไปถึงการระดมทุนจากทั่วโลก
"กำลังมองว่ามันเป็นโลกของปัจจุบันกับโลกเสมือนในอนาคต คือเราต้องอยู่ทั้ง 2 โลกปัจจุบัน ถ้าเราอยู่แต่โลกปัจจุบันมันมีแต่ถอยลง แล้วการแข่งขันยิ่งสูง เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ เราคงต้องเผื่อเข้าไปอยู่ในโลกของอนาคตด้วย เพื่อในแง่ของธุรกรรมใหม่ ผมคิดว่ามันจะมีธุรกรรมใหม่เพราะโลกของ Metaverse นี้ต่อไปใช้เงินอย่างนี้ไม่ได้ ต้องเป็นเงินดิจิทัล เพราะฉะนั้นมันเป็นสิ่งที่ทาง PTG มองไปข้างหน้า" นายรังสรรค์ กล่าว
