"เอเคเอส คอร์ปอเรชั่น" เผยผู้ถือหุ้นไฟเขียวพิ่มทุนจดทะเบียน 28,105,088,172 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างทุนของบริษัทฯ พร้อมลุยธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลเต็มรูปแบบ เร่งล้างขาดทุนสะสม และแก้ไขเครื่องหมาย C ให้สามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น
นายชนน วังตาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเคเอส คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ AKS กล่าวว่า AKS ได้จัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) โดยมีวาระสำคัญเรื่องการพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ และแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทฯ ข้อ 4 เพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ
โดยวาระดังกล่าวได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นทุกท่านด้วยคะแนนเสียงข้างมาก ซึ่งการเพิ่มทุนจดทะเบียนครั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดเศษหุ้นจากการปรับโครงสร้างทุนของบริษัทฯ และเพื่อการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) และตามแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวน 14,052,544,086 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 68,170,063,924 บาท เป็น 82,222,608,010 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 28,105,088,172 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
“การเชิญประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งนี้ เนื่องจากทางบริษัทฯ มีแผนจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างทุนของบริษัทฯ โดยการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นบริษัทฯ และลดทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว เพื่อล้างส่วนต่ำมูลค่าหุ้นและลดขาดทุนสะสมเพื่อทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ที่แสดงในงบการเงินสะท้อนสถานะทางการเงินที่แท้จริง ซึ่งจะทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกท่านได้ในอนาคต รวมถึงการแก้ไขเครื่องหมาย C”
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังมีแผนที่จะพัฒนาธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเดินหน้าทุกธุรกิจในเครือ นอกจากนี้ AKS ยังมีแผนที่จะร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อขยายการลงทุนในด้านธุรกิจที่หลากหลาย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเห็นความร่วมมือใหม่ได้ในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ทาง AKS ยังมีแผนกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจเดิมที่ทางบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญมาอย่างยาวนาน โดยจะเน้นการทำโปรโมชันเพื่อกระตุ้นยอดขายชดเชย demand ที่ชะลอตัว รวมถึงธุรกิจโรงแรมซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ Aquarius Group ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวของประเทศไทยในปัจจุบัน มีจำนวนทั้งสิ้น 4 โรงแรม คือ โรงแรม The Tarna Align Resort เกาะเต่า โรงแรม ShaSa Resort & Residences เกาะสมุย โรงแรม Malibu Resort & Beach Club เกาะสมุย และ โรงแรมเอลิคซ์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุลเหมาะสม และจะมีการ Joint Venture เพื่อปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับ lifestyle trend ในปัจจุบันอีกด้วย