xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยปิด +9.80 จุด รับลูกสหรัฐฯ ขยายเพดานหนี้ คาดสัปดาห์หน้าแกว่งกรอบ 30 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดตลาด +9.80 จุด โบรกฯ ชี้ SET INDEX รับลูกปัจจัยบวกประเด็นใหญ่การขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้เฟดคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ต่อไป อีกทั้งราคาน้ำมันดิบปรับสูงขึ้นหนุนกลุ่มน้ำมันอีกด้วย ประเมินกรอบการลงทุนสัปดาห์หน้าคาดยังปรับตัวขึ้นได้ต่อ มองแนวรับที่ 1,520 จุด และแนวต้านที่ 1,550 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 2 มิ.ย.2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +9.80 จุด หรือ +0.64% โดยปิดตลาดที่ 1,531.20 จุด มูลค่าการซื้อขาย 42,523.30 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,534.49 จุด ในทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,524.52 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 277 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 175 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 192 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +4,459.17 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -3,890.96 ล้านบาท บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -6.99 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -561.21 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,568.97 ล้านบาท ปิดที่ 99.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
2.SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,392.94 ล้านบาท ปิดที่ 105.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
3.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,349.44 ล้านบาท ปิดที่ 70.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
4.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,305.53 ล้านบาท ปิดที่ 131.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
5.TTB มูลค่าการซื้อขาย 1,228.39 ล้านบาท ปิดที่ 1.67 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่ 142.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ 2.52%
2.BH ปิดที่ 230.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 1.32%
3.KBANK ปิดที่ 131.50บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 1.94%
4.GPSC ปิดที่58.00บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 3.57%
5.EGCO ปิดที่141.50บาท เพิ่มขึ้น+2.00 บาท หรือ 1.43%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.JMT ปิดที่41.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 3.53%
2.TCAP ปิดที่51.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 1.92%
3.CPN ปิดที่66.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 1.49%
4.DOHOME ปิดที่13.50 บาท ลดลง 0.80 บาท หรือ 5.59%
5.TIPH ปิดที่42.50 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 1.73%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,059.48 จุด เพิ่มขึ้น 15.65 จุด หรือ 0.77% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 924.89 จุด เพิ่มขึ้น 7.61 จุด หรือ 0.83% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 486.80 จุด เพิ่มขึ้น 3.02 จุด หรือ 0.62%

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค ตอบรับปัจจัยบวกวุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติด้วยคะแนนเสียง 63 ต่อ 36 เสียง ผ่านร่างกฎหมายการขยายเพดานหนี้ จากนั้นจะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อลงนามบังคับใช้ต่อไป รวมถึงนักลงทุนยังคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิ.ย.นี้ เนื่องด้วยอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 5% สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ราว 4% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของเฟด ทำให้ภาพรวมผ่อนคลายมากขึ้น

ขณะที่ราคาน้ำมีนดิบปรับตัวขึ้น ทำให้มีแรงหนุนต่อหุ้นกลุ่มน้ำมันในวันนี้ อีกทั้งนักลงทุนรับปัจจัยลบเกี่ยวกับการเมืองในประเทศไปพอสมควรแล้ว

"มองแนวโน้มสัปดาห์หน้า คาดตลาดยังมี Momentum เชิงบวก โดยแนะติดตามการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน พ.ค.ของสหรัฐฯ ในวันนี้ ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นราว 190,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 3.5% จากระดับ 3.4% ในเดือน เม.ย. รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อของไทยในวันอังคารหน้า คาดจะปรับตัวลงสู่ระดับ 1.5% หนุนตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยมองแนวรับไว้ที่ 1,520 จุด และแนวต้านที่ 1,550 จุด" นายวทัญ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น