หุ้นไทยปิดตลาดร่วง -6.16 จุด โบรกฯเผย ตลาดหุ้นยังคงกังวลปัญหาการเมืองที่ยังคงไม่มีความชัดเจน อีกทั้งตลาดยังเผชิญแรงกดดันจากตัวเลขส่งออกของไทยเดือนรอบเดือน เม.ย.หดตัวลง 7.6% YoY มากกว่าที่ตลาดประเมิน 2% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้าเพิ่มค้าเพิ่มถึง 1,470 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวรับที่ 1,520 จุด และแนวต้านที่ 1,542 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 30 พ.ค.2566 ปรับตัวลดลง -6.16 จุด หรือ -0.40% โดยปิดตลาดที่ 1,534.81 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,658.70 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ดัชนีปรับตัวลง โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,545.55 จุด ในทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,531.30 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 191 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 173 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 278 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -3,063.57 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า-146.38 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +2,007.73 ล้านบาท และ นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +1,202.22 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,295.25 ล้านบาท ปิดที่ 130.00 บาท ลดลง 2.50 บาท
2.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,967.18 ล้านบาท ปิดที่ 63.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
3.SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,376.35 ล้านบาท ปิดที่ 103.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
4.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,353.06 ล้านบาท ปิดที่ 70.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
5.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,327.94 ล้านบาท ปิดที่ 96.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.HANA ปิดที่43.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาทหรือ 3.55%
2.FORTH ปิดที่32.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25บาทหรือ4.00%
3.TQM ปิดที่30.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75บาทหรือ2.56%
4.KCE ปิดที่ 39.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75บาทหรือ1.95%
5.MTC ปิดที่41.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75บาทหรือ1.86%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCC ปิดที่ 325.00 บาท ลดลง 7.00 บาทหรือ 2.11%
2.KBANK ปิดที่ 130.00บาท ลดลง 2.50บาทหรือ 1.89%
3.EA ปิดที่ 63.75 บาท ลดลง 1.75 บาทหรือ 2.67%
4.GPSC ปิดที่ 58.50บาท ลดลง 1.50บาทหรือ 2.50%
5.JMT ปิดที่ 39.75 บาท ลดลง 1.00 บาทหรือ 2.45%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,064.63 จุด ลดลง -9.71 จุด หรือ -0.47% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 926.91 จุด ลดลง -4.85 จุด หรือ -0.52% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 483.56 จุด ลดลง -3.04 จุด หรือ -0.62%
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงสอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ และกระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกประจำเดือนเม.ย. หดตัว 7.6% YoY แย่กว่าที่ตลาดคาดว่าจะติดลบราว 2% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 1,470 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มากกว่าตลาดคาดที่ 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และพลิกจากที่เคยเกินดุล 2,719 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมี.ค.
"การส่งออกของไทยที่หดตัวลงอย่าวมาก เห็นได้ว่าคล้ายกันกับประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น-2.8%, อินเดีย -12.7%, ไต้หวัน -13.3%, เกาหลีใต้ -14.3%, สิงคโปร์ -16.0%, เวียดนาม -16.2%, มาเลเซีย 20.3% และอินโดนีเซีย -29.4% เป็นต้น สะท้อนภาพเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวมากขึ้น ส่งผลให้มีแรงขายในหุ้นกลุ่ม Global play ออกมามาก" นายวทัญ กล่าว
ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดตลาดฯ น่าจะยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ คงไปไหนได้ไม่ไกล โดยมีแนวรับที่ 1,520 จุด และแนวต้าน 1,542 จุด แนะติดตามการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือน พ.ค.จาก Conference Board คืนนี้
