xs
xsm
sm
md
lg

SSP ลุยโรงไฟฟ้า Renewable ในอาเซียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์





"เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น" เล็งขยายการลงทุนพลังทดแทนต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ย้ำกระแสเงินสดแข็งแกร่ง ตั้งเป้ามีกำลังผลิตโรงไฟฟ้า Renewable ทุกรูปแบบโตเท่าตัวในอีก 3 ปี ผู้บริหารเผยเล็งเข้าลงทุนและพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานงานทดแทนต่อยอด หลังรัฐบาลเวียดนามได้อนุมัติแผนพัฒนาพลังงานฉบับที่ 8 หรือ PDP8 แล้ว


นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลดำเนินงานในปี 2566 นี้เชื่อว่ายังเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผน อีกทั้งบริษัทฯ ยังมองหาโอกาสเพื่อเข้าไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ในประเทศฟิลิปปินส์ และไต้หวัน และการใช้กลยุทธ์ทำ M&A ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาปิดดีล รวมถึงการเข้าลงทุนในเวียดนามตามแผนพัฒนาพลังงาน PDP8 ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนทำให้พอร์ตกำลังผลิตเติบโตเท่าตัวในอีก 3 ปี

หลังจากรัฐบาลเวียดนามได้อนุมัติแผนพัฒนาพลังงานฉบับที่ 8 หรือ PDP8 โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้ภูมิภาคอาเซียนและมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2573 โดยแผนดังกล่าวจะมีการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าในประเทศเวียดนามไม่น้อยกว่า 150 GW ภายในปี 2573 และในช่วงที่ผ่านมา SSP เป็นบริษัทฯ หนึ่งที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการเข้าไปพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในเวียดนาม และเตรียมเข้าไปพัฒนาต่อยอดในโครงการต่างๆ เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานทดแทนรูปแบบอื่นๆ

สำหรับโครงการในเวียดนามของ SSP ได้แก่ โซลาร์ฟาร์ม Binh Nguyen ขนาดกำลังการผลิต 49.61 MW และโครงการวินด์ฟาร์มในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังผลิต 48 MW ที่สามารถ COD ได้ตามแผน ซึ่งจะเห็นว่าโครงการที่ SSP เข้าไปลงทุนล้วนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน และรัฐบาลเวียดนาม และการอนุมัติแผนพัฒนาพลังงาน PDP8 ในเวียดนามในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ SSP เข้าไปลงทุนและพัฒนาโครงการต่อยอด สนับสนุนการขยายพอร์ตกำลังผลิตได้แบบก้าวกระโดด

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง รองรับแผนการขยายพอร์ตโรงไฟฟ้า Renewable ทุกรูปแบบ โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เปิดดำเนินงานแล้ว 236 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าหมายในอีก 3 ปี มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็นเท่าตัวทะลุ 500 MW โดยมีสัดส่วนจากแหล่งพลังงานใหม่ๆ เช่น พลังงานลม หรือชีวมวลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น

ทั้งนี้ หลังผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในไตรมาส 1/66 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566) มีรายได้จากการขายและให้บริการ 761 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% และมีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัท 256 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 83% เมื่อเปรียบเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ที่มีรายได้จากการขายและให้บริการ 698 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 140 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นภาพการปรับตัวขึ้นของผลประกอบการอย่างเด่นชัด


กำลังโหลดความคิดเห็น