ตลาดหุ้นเปิดรับสัปดาห์ใหม่วันจันทร์ที่ผ่านมา ฉลองครบรอบ 7 วันหลังรู้ผลการเลือกตั้ง ส.ส. สภาพการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ไม่แตกต่างจากรถไฟเหาะตีลังกา โดยช่วงแรกถูกถล่มขายจนดัชนีรูดไป 23 จุด ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาช่วงปลายตลาด และปิดการซื้อขายที่ 1,529.24 จุด เพิ่มขึ้น 14.35 จุด
สถานการณ์ตลาดหุ้นทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้งพลิกผันเหนือความคาดหมาย โดยทุกฝ่ายประเมินว่า บรรยากาศการซื้อขายหุ้นจะเป็นไปอย่างคึกคัก นักลงทุนต่างชาติจะกลับมา แต่หุ้นกลับซบเซา ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเทขายไม่เลิก
ดัชนีหุ้นหัวปะกหัวปำจากการไต่ระดับใกล้ 1,600 จุด ทรุดฮวบลงจนสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในปีนี้ในระหว่างชั่วโมงซื้อขายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาในระดับ 1,491.12 จุด สร้างความตื่นตระหนกให้นักลงทุน และถามไถ่กันสนั่นว่าเกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้น หรือมีข่าวร้ายอะไรที่จุดชนวนการเทขาย
ไม่มีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยตลาดหุ้นทั่วโลกไม่ได้ผันผวนรุนแรง แต่มีลักษณะประคองตัวรอคอยปัจจัยชี้นำ และหุ้นแต่ละประเทศบวกลบคละกัน ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่มีความคืบหน้าในการเจรจาร่างข้อตกลงและนโยบายร่วมกัน ซึ่งน่าจะเป็นความเคลื่อนไหวเชิงบวกด้วยซ้ำ
แต่เปิดการซื้อขายช่วงแรกเช้าวันจันทร์ กลับมีแรงเทขายหุ้นออกมาในลักษณะตื่นตระหนก หรือขายลักษณะหนีตาย
นักลงทุนต่างชาติยังคงปักหลักขายต่อ โดยวันจันทร์ขายอีก 1,469.36 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อย ซึ่งก่อนหน้าซื้อตลอดถ้าหุ้นปรับฐาน แต่วันจันทร์กลับขายตามต่างชาติจำนวน 1,392.58 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นเพราะความตื่นตระหนก
นับจากต้นปีต่างชาติเทขายหุ้นแล้ว 81,991.90 ล้านบาท และยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาซื้อ แม้ดัชนีจะหลุดระดับ 1,500 จุดก็ตาม
แต่นักลงทุนที่ทนดูดัชนีต่ำกว่า 1,500 จุดไม่ได้คือ นักลงทุนสถาบัน โดยเมื่อวันจันทร์กลับเข้ามาช้อนซื้อหุ้น 2,356.51 ล้านบาท สมทบด้วยพอร์ตโบรกเกอร์ที่ซื้อหุ้น 511.39ล้านบาท ซึ่งช่วยกอบกู้ให้ตลาดหุ้นฟื้นกลับ
ถ้านักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนรวมในประเทศและพอร์ตโบรกเกอร์ไม่กลับมาซื้อหุ้น ดัชนีวันจันทร์คงทรุดหนัก ซึ่งส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยา ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่เชื่อมั่น มองแนวโน้มตลาดในแง่ลบ และพากันเทขายหุ้นทิ้งจนตลาดหุ้นเกิดภาวะถล่มทลาย
การที่กองทุนและพอร์ตโบรกเกอร์เข้ามาซื้อหุ้น อาจเป็นเพราะมองว่าดัชนีที่ต่ำกว่า 1,500 จุด เป็นระดับที่น่าสนใจ ความเสี่ยงต่ำ และราคาหุ้นถูกมาก จึงชิงจังหวะเข้ามาช้อนหุ้นเก็บ โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ และงัดดัชนีที่กำลังดิ่งลงเหว ดีดตัวกลับขึ้นมาจากลบประมาณ 23 จุดในช่วงแรก กลับมาบวกกว่า 14 จุดเมื่อปิดการซื้อขาย
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มหุ้นระยะสั้นยังมีความเปราะบาง เพราะนักลงทุนยังคลำหาข่าวดีไม่เจอ มีแต่ข่าวร้ายๆ มีแต่ความวิตกกังวลในผลกระทบจากสงครามรัสเซียกับยูเครน ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือแม้แต่ประเด็นการขอขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ
เพียงแต่ถ้าหุ้นทรุดหนักมากเกินไป หรือลงต่ำกว่าระดับ 1,500 จุด จะมีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่น
แนวรับระดับ 1,500 จุด จึงถือเป็นแนวกันชนสำคัญของตลาดหุ้นในรอบนี้ และถ้าไม่มีปัจจัยลบใหม่ซ้ำเติม
1,500 จุด จะกลายเป็นแนวรับสำคัญในการเลือกช้อนเก็บหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีสำหรับนักลงทุนที่พร้อมถือยาว
แต่หลุด 1,500 จุดครั้งนี้ รายย่อยส่วนใหญ่กลับถอดใจ และพลาดโอกาสซื้อของถูกไปเสียได้