ตั้งรัฐบาลใหม่...ฝรั่งกลับมาหรือ / สุนันท์ ศรีจันทรา

นับจากรู้ผลการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตลาดหุ้นปักหัวลงตลอด 3 วันทำการ ดัชนีทรุดลงแล้วกว่า 38 จุด เนื่องจากต่างชาติเทขายหุ้นออก ไม่ตอบรับผลการเลือกตั้ง และพรรคก้าวไกลที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่

การเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ กูรูหุ้นส่วนใหญ่คาดหมายว่าตลาดหุ้นจะตอบรับในเชิงบวก และนักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง แต่สถานการณ์พลิกผันผิดความคาดหมาย

หุ้นปรับฐานลงลึกมาแตะที่ระดับ 1,522.74 จุด จนประเมินกันว่าอาจจะถอยลงมาที่ระดับ 1,500 จุด จากที่เคยสร้างจุดต่ำสุดในปีนี้ที่ระดับ 1,507 จุด ระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 3 พฤษภาคม

ส่วนนักลงทุนต่างชาตินอกจากไม่กลับมาซื้อหุ้นแล้ว ยังเทขายอย่างหนัก โดยเมื่อวันพุธที่ 17 พฤษภาคม ถล่มขาย 4,439.34 ล้านบาท จนดัชนีทรุดหนักอีกวัน

การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้แกนนำของพรรคก้าวไกลกำลังดำเนินอยู่ และถ้าสามารถเจรจาต่อรองเงื่อนไขทุกอย่างได้ คงได้เห็นโครงสร้างรัฐบาลชุดใหม่ในเบื้องต้นได้

แต่ตลาดหุ้นจะตอบรับในเชิงบวกหรือไม่ และนักลงทุนต่างชาติจะเปลี่ยนท่าทีกลับมาไล่ซื้อหุ้นคืนหรือไม่

ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ประกาศออกมาแล้ว แต่ไม่อาจกระตุ้นบรรยากาศซื้อขายหุ้นได้ และความหวังที่นักลงทุนรอคอยคือ การกลับมาของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งผิดหวังกันไปรอบหนึ่งแล้ว เพราะหลังการเลือกตั้งฝรั่งยังไม่มา

และไม่มีหลักประกันว่า เมื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ต่างชาติจะกลับมา เพราะมีหลายปัจจัยอาจกดดันให้ต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนต่อเนื่อง ทั้งผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจขึ้นดอกเบี้ยอีก และความผันผวนของค่าเงินบาท มีส่วนกระตุ้นให้ต่างชาติขาย

ปี 2565 ต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดยซื้อประมาณ 2 แสนล้านบาท และนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ประเมินว่าปีนี้ต่างชาติจะซื้อหุ้นต่อเนื่อง

แต่ปรากฏว่า เดือนมกราคมเพียงเดือนเดียวที่ต่างชาติซื้อหุ้นเกือบ 2 หมื่นล้านบาท หลังจากนั้นเปิดฉากเทขายตลอด จนยอดขายหุ้นสะสมปีนี้สิ้นสุดวันที่ 17 พฤษภาคม มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 76,085.51 ล้านบาท

ถ้ามองโลกในแง่ร้าย หุ้นที่ต่างชาติซื้อเก็บในปี 2565 หากนำมาขายในปีนี้ แรงขายของต่างชาติจะเหลืออยู่อีกประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ในอีกประมาณ 7 เดือนที่เหลือ ซึ่งหากต่างชาติขายไม่เลิก ดัชนีคงไม่มีโอกาสโงหัว และอาจลงลึกหลุด 1,500 จุดได้ โดยมีบางโบรกเกอร์ประเมินกรณีที่มีความเลวร้ายไว้เหมือนกัน

ความหวังที่จะรอต่างชาติกลับมาเป็นกองหนุน กระตุ้นให้ตลาดหุ้นฟื้นสู่ความคึกคัก ยังเป็นความหวังที่เลื่อนลอย แต่ปัจจัยที่กดให้หุ้นตกอยู่ในภาวะซบเซายืดเยื้อมีอยู่รอบด้าน ทั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือแม้แต่สถานการณ์การเมืองที่อาจวุ่นวายหลังการตั้งรัฐบาลชุดใหม่

ครึ่งปีแรกใกล้จะผ้านพ้น ตลาดหุ้นผันผวนอย่างหนัก นักลงทุนรายย่อยในประเทศเก็บสะสมหุ้นราคาแพงไว้แทบจะเต็มพอร์ต ความมั่งคั่งของนักลงทุนทั้งตลาดสูญหายไปกว่า 1 ล้านๆ บาท และยังไม่อาจทำนายได้ว่าจุดเลวร้ายสุดของหุ้นปีนี้จะอยู่ที่ดัชนีระดับใด

จะหลุดจากระดับ 1,500 จุด ดิ่งเหวไปอยู่ที่ตัวเลขเท่าไหร่

นักลงทุนรายย่อยยังต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อ ซื้อหุ้นต่อเนื่องเมื่อราคาย่อลงมา และจะเป็นอีกปีที่รายย่อยเจ็บหนักจากตลาดหุ้น

ถ้าตั้งรัฐบาลใหม่แล้วต่างชาติไม่กลับมาช่วยกอบกู้ตลาดหุ้น