นักลงทุนเคยตั้งความหวังไว้ หลังเทศกาลสงกรานต์บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นจะฟื้นตัวขึ้น แต่ความหวังต้องพังทลาย เหลือเพียงความสิ้นหวัง เพราะหุ้นทรุดลงอย่างหนัก และมองไม่เห็นสัญญาณการปรับตัวขึ้นในระยะสั้น
กูรูหุ้น นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ประเมินสถานการณ์ผิดพาดกันหมด เพราะคาดว่า เมื่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้จะกระตุ้นให้หุ้นคึกคัก และนักลงทุนต่างประเทศจะกลับมา ขณะที่การประกาศการเลือกตั้งครั้งใหม่จะมีเงินสะพัด ทำให้ตลาดหุ้นกระเตื้องขึ้น
แต่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย นักลงทุนต่างชาติไม่ยอมกลับมา แถมขายต่อเนื่อง จนยอดขายหุ้นสะสมจนถึงสิ้นวันที่ 26 เมษายนทื่ผ่านมามีจำนวนกว่า 6.17 หมื่นล้านบาท
การประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของกลุ่มแบงก์ไม่ได้ช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นแต่อย่างใด แม้แต่หุ้นกลุ่มแบงก์เองยังเอาตัวไม่รอด ส่วนการหาเสียงที่อึกทึกครึกโครม มีการอัดฉีดเงินหว่านลงสนามเลือกตั้งเต็มสูบ แต่ตลาดหุ้นไม่ได้รับอานิสงส์แต่อย่างใด
ตลาดหุ้นตกอยู่ในภาวะที่มืดมน นักลงทุนสิ้นหวัง ท้อแท้ เบื่อหน่าย โลกสวยที่หลายโบรกเกอร์ทำนายไว้ ปลายปีดัชนีหุ้นจะพุ่งทะยานทะลุ 1,800 จุด กลายเป็นแค่ความเพ้อฝัน
เพราะไม่มีปัจจัยเชิงบวกด้านใดที่จะพลิกฟื้นตลาดหุ้นให้กลับสู่ขาขึ้น ไม่มีสัญญาณข่าวดีทั้งในระยะสั้นหรือจากช่วงนี้ถึงปลายปีมีแต่ปัจจัยลบที่ปกคลุม โดยเฉพาะผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย ความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และภาวะสงครามที่ปะทุเป็นจุดๆ
ความหวังเดียวของนักลงทุนคือ การกลับมาของต่างชาติ เพราะเป็นปัจจัยกระตุ้นตลาดได้ แต่ต่างชาติยังไม่กลับ เพียงแต่อาจขายหุ้นน้อยลงเท่านั้น ซึ่งหากต่างชาติไม่มา บรรยากาศการลงทุนคงเงียบเหงาซึมเซา เคลื่อนตัวอย่างไร้ทิศทางต่อไป
ใครที่พอร์ตว่าง ไม่มีหุ้นติดมือเหมือนถูกรางวัลใหญ่ ใครที่ในพอร์ตเหลือหุ้นติดอยู่เพียงเล็กน้อย ถือว่าเครียดน้อย แต่นักลงทุนที่มีหุ้นเต็มพอร์ต คงต้องเครียดหนัก เพราะหุ้นที่ถืออยู่แทบทั้งหมดต้นทุนสูง ต้องแบกภาระขาดทุน และแนวโน้มหุ้นมีสิทธิจะลงต่อไปได้อีก
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จำนวนไม่น้อยเริ่มปรับมุมมองแนวโน้มตลาดหุ้นระยะสั้นแล้ว ส่วนใหญ่คาดการณ์แนวโน้มระยะสั้นไม่ดีนัก โดยประเมินว่า ดัชนีหุ้นอาจถอยหลังลงไปตั้งหลักที่ระดับ 1,500 จุดได้ เพราะไม่มีข่าวดีอะไรที่จะปลุกความเชื่อมั่นนักลงทุน นอกจากข่าวร้ายที่บั่นทอนกำลังใจ
จุดซื้อหุ้นที่โบรกเกอร์เห็นว่าน่าสนใจ ดัชนีระดับ 1,500 จุด ซึ่งเหลือแนวกันชนอีกเพียงไม่กี่สิบจุดเท่านั้น ซึ่งหากมีข่าวร้ายชิ้นใหม่ซ้ำเติม หรือต่างชาติกระหน่ำขาย หุ้นอาจถอยสู่แนวรับในระยะเวลาอันใกล้
หุ้นปีนี้เลวร้ายเกินความคาดหมาย ผ่านไป 4 เดือนแรก ดัชนีทรุดลงแล้วกว่า 100 จุด เมื่อเทียบกับจุดปิดสิ้นปี 2565 ที่ระดับ 1,668 จุด และไม่อาจหยั่งได้ว่าจุดต่ำสุดของปีอยู่ที่ระดับใด ซึ่งอาจไม่ใช่ที่ระดับ 1,500 จุดก็ได้
นักลงทุนที่ถือเงินสดเต็มไม้เต็มมือ ตอนนี้เป็นโอกาสอันดีในการรอคอยจังหวะช้อนซื้อของถูก สามารถเก็บหุ้นได้ในราคาต้นทุนต่ำกว่าเพื่อนคนนักลงทุนคนอื่นในระดับ 50% เพราะหุ้นนับร้อยบริษัทรอบนี้ลงปรับฐานลงมากกว่า 50%
เพียงแต่จุดเริ่มต้นซื้ออาจทยอยเก็บแถว 1,500 จุด ซึ่งอาจเป็นราคาที่เสี่ยงน้อยลงไปอีกหน่อย
นักลงทุนที่จ้องจังหวะเก็บสะสมหุ้น ถอยหลังไปตั้งหลักรอที่ระดับ 1,500 จุดดีไหม