นักลงทุนสถาบันเริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะเดือนพฤษภาคมมีแรงซื้อต่อเนื่อง และมีส่วนสำคัญที่ช่วยพยุงตลาดหุ้นไม่ให้เกิดความผันผวนรุนแรง แม้ต่างชาติจะเทขายหุ้นและตลาดหุ้นต่างประเทศจะทรุดลงก็ตาม
ปีที่ผ่านมา กองทุนรวมที่ซื้อขายในรูปนักลงทุนสถาบัน ทำหน้าที่เหมือนผู้ร้าย ขายหุ้นออกตลอดทั้งปี ยอดขายประมาณ 1.5 แสนล้านบาท แต่ปีนี้เริ่มทยอยกลับมาซื้อ โดยยอดซื้อสะสมในเดือนพฤษภาคม สิ้นสุดวันที่ 11 พฤษภาคมมีจำนวนทั้งสิ้น 15,337.38 ล้านบาท รวมยอดซื้อสะสมตั้งแต่ต้นปีมีจำนวน 21,679.50 ล้านบาท
กองทุนเริ่มซื้อหนักช่วงที่ดัชนีปรับฐานลงไปแตะระดับ 1,500 จุดต้นๆ และซื้อต่อเนื่องวันละประมาณ 3 พันล้านบาท จนถึงวันละกว่า 5 พันล้านบาท และมีส่วนสำคัญผลักดันให้ดัชนีตีฝ่าแนวต้าน 1,550 จุดขึ้นมาได้
การกลับมาของกองทุนน่าจะเกิดจากนักลงทุนที่ลงทุนผ่านกองทุนรวมทยอยเข้ามาซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมหุ้น เพราะอาจประเมินว่าหุ้นตกมาถึงจุดที่น่าสนใจแล้ว ความเสี่ยงต่ำลง และราคาหุ้นมีโอกาสดีดตัวกลับหลังการเลือกตั้ง
เมื่อมีเงินไหลเข้ามาซื้อหน่วยลงทุน กองทุนจึงนำมาไล่ซื้อหุ้นทันที เพื่อให้ผู้ถือหุ้นหน่วยลงทุนได้หุ้นต้นทุนต่ำ
แรงซื้อของกองทุนไม่เพียงกระตุ้นให้ตลาดหุ้นคึกคักขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณว่า นักลงทุนกลุ่มที่ลงทุนผ่านกองทุนเริ่มมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้น และเห็นเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุน จึงทยอยซื้อหน่วยลงทุนกองทุนหุ้น
ในระดับดัชนี 1,550 จุด อาจเป็นจุดที่ยังน่าลงทุนอยู่ เงินทุนจึงไหลเข้าผ่านกองทุนไม่ขาดสาย และมีแนวโน้มว่ากองทุนยังเก็บหุ้นต่อ ซึ่งจะเป็นกองหนุนสำคัญในการพยุงตลาด หรืออาจขับเคลื่อนให้ดัชนีเดินหน้าต่อ
สัปดาห์นี้หลังรู้ผลการเลือกตั้ง ต้องรอลุ้นปฏิกิริยาตลาดหุ้นว่าจะตอบรับอย่างไร ซึ่งน่าจะเป็นการตอบรับในเชิงบวก ตามสถิติตลาดหุ้นรอบหลายสิบปีที่มักปรับตัวขึ้นหลังการเลือกตั้ง เพียงแต่จะปรับตัวขึ้นแรงหรือไม่
และจะต้องรอประเมินปฏิกิริยาของนักลงทุนต่างชาติด้วยว่าจะปรับตัวขึ้นหรือไม่ เพราะถ้าต่างชาติกลับมาซื้อ และกองทุนรวมยังซื้อต่อ หุ้นมีโอกาสพลิกสู่ขาขึ้นในรอบสั้นด้วยเหมือนกัน
เพราะยังมีตัวแปรการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ กดดันอยู่ และจะมีการพิจารณาขยายเพดานหนี้อีกครั้งในสัปดาห์นี้
ทิศทางหุ้นในระยะสั้นอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเหมือนกัน โดยสัปดาห์นี้จะมีตัวแปรที่ต้องติดตามหลายด้าน ทั้งผลการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งจะนำไปสู่การคาดการณ์โฉมหน้ารัฐบาลชุดใหม่ในเบื้องต้น และการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสแรก ซึ่งกำหนดเส้นตายในวันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคมนี้
รวมทั้งปัญหาขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ
วันศุกร์ที่ผ่านมา หุ้นเกิดการปรับฐานใหญ่ หลังจากขึ้นมาต่อเนื่องหลายวันติดต่อ แต่สัปดาห์นี้ถ้าผลการเลือกตั้งออกมาถูกใจนักลงทุน แผนการขยายเพดานหนี้ผ่านการอนุมัติหุ้นอาจฟื้นขึ้นมาใหม่ และมีสิทธิได้ลุ้นเป้าหมาย 1,600 จุดในรอบใหม่ได้เหมือนกัน
เพียงแต่นักลงทุนรายย่อยต้องตีตั๋วจองช่องขายไว้ เช่นเดียวกับสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ทยอยตัดขายหุ้นออกไปไม่น้อย
เพราะปัจจัยกระตุ้นหุ้นให้ปรับสู่ขาขึ้นรอบใหญ่ๆ ยังไม่มา มีเพียงข่าวดีการกลับมาลุยซื้อหุ้นของกองทุนเท่านั้น