xs
xsm
sm
md
lg

TCMC อวดรายได้ Q1 เฉียด 2 พันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์






ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น งวดนี้ทำรายได้กว่า 1.99 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 11.32 ล้านบาท เชื่อทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจพร้อมเดินหน้าเติบโต และไตรมาสที่เหลือยังกำไรโต ผลจากตลาดฟื้นตัวปรับสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิวที่มีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นชัดเจน และกลุ่มอื่นๆ ผลงานเติบโตตามเป้า

น.ส.ปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCMC เปิดเผยว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและบริการในไตรมาส ที่ 1 ปีนี้ 1,999.30 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 2,394.40 ล้านบาท หรือ 16.50% และมี EBITDA 119.77 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 25.74% และมีกำไรสุทธิ 11.32 ล้านบาท จากสถานการณ์ตลาดที่เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ และกลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิวมีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น ซึ่งกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มีการปรับตัวรับสภาวะเศรษฐกิจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ส่วนผลประกอบการปกติถือว่าทำได้ตามเป้าหมาย

"ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสแรกสะท้อนถึงทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น โดยกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มีรายได้และกำไรตามเป้าหมาย ขณะที่กลุ่มวัสดุตกแต่งพื้นผิวฟื้นตัวมีการออกสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์กลับมาเติบโตตามสภาวะตลาด ซึ่งบริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ที่จะเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืน เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเพื่อผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง และตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ พร้อมกับริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรัดกุม" น.ส.ปิยพรกล่าว

โดยจากการฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยวและโรงแรม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของธุรกิจ กลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิว (TCM Surface) มีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 518.11 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปี ก่อนคิดเป็น 34.86% เนื่องจากตลาดฟื้น ตัวอย่างชัดเจน มีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้นแสดงให้เห็นสัญญาณแนวโน้มธุรกิจที่ดีขึ้น และถึงแม้ว่ากลุ่มธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากค่าขนส่ง ค่าแรง และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น แต่บริษัทได้มีการปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์และบริหารจัดการประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้น รวมถึงค่าเงินที่เป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจ ทำให้กลุ่มธุรกิจสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นได้ดีขึ้น จาก 31.05% เป็น 39.92% และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน มีการลงทุนในเครื่องจักรที่ช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้น้ำ ลดการใช้วัตถุดิบ รวมถึงการติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงาน

นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการปรับโครงสร้างการทำงาน และใช้เทคโนโลยีใหม่มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อลดค่าใช้จ่ายในด้านการดำเนินงาน เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ ทำให้ในไตรมาสแรกซึ่งเป็น low season กลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิวมีผลขาดทุนสุทธิ 7.07 ล้านบาท ผลประกอบการดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 56.71 ล้านบาท อีกทั้งธุรกิจยังมีสินค้าใหม่ที่ได้เริ่มเข้าสู่ตลาด เช่น พรมใช้ภายนอกอาคาร แผ่นซับเสียง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี จากที่ได้เปิดตัวในงานสถาปนิก'66 ที่ผ่านมา และจากในงานนี้ผลิตภัณฑ์พรมแผ่น รุ่น Breathe ของแบรนด์ Carpets Inter ยังได้รับรางวัล ASA Platform Selected Materials 2023 ซึ่งมอบให้วัสดุที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านความสวยงาม ความเหมาะสมในการใช้งาน และการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ขณะที่กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ (TCM Living) มีรายได้เป็นไปตามเป้าหมาย แต่ต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 29.36% เนื่องจากในปีก่อนมีความต้องการของตลาดคงค้างมาจากปลายปี 2564 ที่ทำให้การส่งมอบเลื่อนมาเกิดในต้นปี 2565 ซึ่งในปี 2566 สถานการณ์เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ ถึงแม้จะยังได้รับผลกระทบจากต้นทุนและค่าขนส่งที่ยังสูงอยู่ แต่บริษัทสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพจนสามารถพัฒนาในเรื่องของกำไรขั้นต้นให้ดีขึ้นจาก 16.95% ในปีก่อน เป็น 21.66% ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจมีค่าใช้จ่ายการขายและบริหารสูงขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากการปรับโครงสร้างการดำเนินงานเพื่อย้ายโรงงานผลิตของแบรนด์ Ashley Manor มารวมกันเป็นแห่งเดียว โดยไม่ต่อสัญญาเช่าโรงงาน J28 ซึ่งคิดเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียว (One- time) จำนวน 20.6 ล้านบาท (0.49 ล้านปอนด์) แต่ในระยะยาวจะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตด้านผลกำไรของทั้งปี 2566

ส่วนกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ (TCM Automotive) ค่อยๆ ฟื้นตัวตามสถานการณ์ตลาด รายได้ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน เติบโตขึ้น 0.99% เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์อยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัว แต่ยังคงได้รับผลกระทบจากวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น ส่งผลกระทบมาที่อัตราส่วนต้นทุนสูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 3.67% ประกอบกับผลจากส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนสูงขายได้ในปริมาณมากกว่า และจากเครื่องจักรมีปัญหาเรื่อง spare part ซึ่งได้รับการแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ จากตัวเลขงบการเงินรวม บริษัทมีกำไรสุทธิ 11.32 ล้านบาท ซึ่งหากตัดค่าใช้จ่าย One-time ในปีนี้ และรายได้พิเศษที่เกิดในปีที่แล้ว จะแสดงให้เห็นกำไรจากผลการดำเนินงานสูงขึ้นกว่างวดเดียวกันของปีก่อนถึง 40.00% นับว่าบริษัทมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยใน Q1 มีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 สูงขึ้นจากวันสิ้นปี 2565 จำนวน 104.68 ล้านบาท 

อย่างไรก็ดี กลุ่มบริษัท TCM เร่งเดินหน้ากลยุทธ์เติบโตสู่ความยั่งยืนเพื่อทำกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยเรายังคงยืนหยัดเดินหน้าในแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้และยังคงมุ่งสู่เป้าหมายในการปรับแผนการบริหารให้มีความคล่องตัว เสาะแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ เข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้าเพื่อขยายกลุ่มลูกค้า ออกสินค้าใหม่ๆ ที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยเฉพาะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าในปี 2566 นี้ผลการดำเนินงานจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเน้นที่ประสิทธิภาพในการผลิต อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงต้องจับตามองปัจจัยท้าทายต่างๆ ทั้งในประเทศ จากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ในหลายประเทศที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเงินเฟ้อ ดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยนและการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีผลต่อการเติบโตของธุรกิจในภาพรวมได้


กำลังโหลดความคิดเห็น