เครือออเนอร์ กรุ๊ป หนึ่งในแลนด์ลอร์ดในพัทยา หวังรัฐบาลใหม่เปิดกว้างให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน มั่นใจโครงการใหญ่ในอีอีซีเดินหน้าต่อ ชี้ท่องเที่ยวและอสังหาฯ ในเมืองพัทยากลับมาฟื้นตัวหลังเปิดประเทศ ยอดขายคอนโดฯ "วันส์ พัทยา" ดีทะลุ 90% เหตุซัปพลายคอนโดฯ แล้วเสร็จมีน้อย เหตุโครงการใหม่มีน้อย เผยปีนี้ลงทุน 5 โครงการใหม่ มูลค่าไม่กว่า 6,000 ล้านบาท ลุยสร้างพอร์ตบ้านหรูราคาแพง
น.ส.ธิดา เชิดสุริยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือออเนอร์ กรุ๊ป จำกัด นักพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในเมืองพัทยา กล่าวถึงรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศว่า ภาคธุรกิจต้องการเห็นภาครัฐสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นที่รับรู้ในระดับโลกมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้เชิญชวนนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุน แต่อยากเห็นนโยบายการเปิดกว้างมากขึ้น และให้สานต่อแนวคิดที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เช่น การผ่อนปรนเรื่องการจัดตั้งกาสิโน การเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนได้สิทธิซื้อที่ดิน 1 ไร่ แต่ให้อยู่ในภายใต้การคัดกรองที่ดี ทั้งนี้ การเปิดกว้างให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านได้ 1 ไร่นั้น นักธุรกิจในประเทศไทยเห็นว่าเป็นเรื่องดี ไม่ใช่เรื่องการขายชาติแต่อย่างใด แม้แต่ในเมืองนิวยอร์ก สหรัฐฯ มีคนทั่วโลกมาอาศัยอยู่ร่วมกันได้ เป็นต้น
“หากรัฐบาลชุดใหม่สามารถทำให้ประเทศไทยเกิดการลงทุนจะทำให้หลุดพ้นกับดักรายได้อย่างแท้จริง และคิดว่าการลงทุนขนาดใหญ่ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมีการเดินหน้ามาอย่างต่อเนื่องแล้ว ไม่ว่าจะเป็น สนามบิน ท่าเรือ รถไฟฟ้าความเร็วสูง ซึ่งไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาล หรือเป็นนักการเมือง จะไม่มีความลังเล มีแต่ขับเคลื่อนการลงทุนต่อเนื่อง รัฐบาลชุดที่แล้วใส่พานเตรียมไว้แล้ว มีหรือรัฐบาลใหม่จะไม่”
สำหรับภาพรวมการท่องเที่ยวและแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพัทยาในปี 2566 เริ่มฟื้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาประมาณ 80% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนวิกฤตโควิด ซึ่งเป็นตัวเลขก่อนที่จีนจะเปิดประเทศ คาดว่าในช่วงระยะเวลา 2-3 เดือนข้างหน้า ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะเข้ามาในพัทยาเต็ม 100% ทั้งนี้ในช่วงเกิดโควิด แม้นักท่องเที่ยวจากจีนจะหายไป แต่มีลูกค้ากลุ่มใหม่ เช่น รัสเซีย อินเดีย เวียดนาม เกาหลี ยุโรป และสหรัฐฯ เข้ามาทดแทน โดยเฉพาะเวียดนามที่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่เข้ามา
ขณะที่เรื่องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อเป็นบ้านหลังที่สองนั้น มีนักลงทุนในหลายประเทศเข้ามาซื้อ เช่น รัสเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น และยุโรป โดยนิยมเลือกซื้อห้องชุดขนาดกลางและใหญ่ พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 35-200 ตารางเมตร ราคาที่เหมาะสมคือ 5-6 ล้านบาท
"เราตัดสินใจที่จะเดินหน้าโครงการวันส์ พัทยา ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 2,200 ล้านบาทอย่างเต็มที่ เพราะมองว่าเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายและเปิดประเทศ จะได้มีห้องชุดรองรับลูกค้าได้ทัน ซึ่งถือว่าเป็นการคาดการณ์ที่ถูก ส่งผลดีต่อยอดขายโครงการ วันส์ พัทยา ที่ปัจจุบันยอดขายพุ่งไปกว่าร้อยละ 90 โดยเป็นลูกค้าคนไทยกว่าร้อยละ 60 และที่เหลือเป็นลูกค้าชาวต่างชาติ ทางโครงการได้เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยวางเป้าขายยูนิตที่เหลือประมาณร้อยละ 10 และโอนให้แล้วเสร็จทั้งโครงการภายในปีนี้ หรือต้นปี 2567"
ในเรื่องของทิศทางการลงทุนโครงการใหม่ น.ส.ธิดา กล่าวว่า ในปี 66 บริษัทมีแผนเปิดตัว 5 โครงการใหม่ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.โรงแรมฮิลตัน การ์เด้น อินน์ พัทยา ซิตี้ บนเนื้อที่ดิน 2 ไร่ เป็นอาคารสูง 29 ชั้น ขนาด 300 ห้อง ติดถนนพัทยาสาย 3 มูลค่าก่อสร้างกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Mixed-Use ปัจจุบันเริ่มพัฒนาโครงการแล้ว และความคืบหน้าการพัฒนาว่าเป็นไปตามแผนงาน
2.โครงการบ้านระดับลักชัวรี ราคา 8-10 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 32 ไร่ บริเวณรอบอ่างเก็บน้ำมาบประชัน อ่างเก็บน้ำที่ใช้ผลิตน้ำประปา และมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท และ 3.โครงการบ้านเดี่ยวระดับอัลตร้าลักชัวรี ราคา 30-40 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท บนทำเลนาจอมเทียน ซอย 2 (ซอยร้านอาหารปูเป็น) พื้นที่กว่า 8 ไร่ อยู่ห่างทะเล เพียง 900 เมตร ที่ปัจจุบันหาดจอมเทียนมีการถมทรายจึงทำให้ชายหาดมีความกว้างถึง 40 เมตร ซึ่งทั้ง 2 โครงการอยู่ระหว่างการพัฒนา
นอกจากนั้น บริษัทนังมีแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโรมแรมอีกอย่างละ 1 โครงการ โดยปัจจุบันมีที่ดินรองรับการพัฒนาเรียบร้อยแล้ว และบริษัทยังมีแผนซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในปีต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ และการเติบโตของเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)