xs
xsm
sm
md
lg

"ฮินซิซึ" ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวน 71 ล้านหุ้น-เข้า mai

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บมจ.ฮินซิซึ (ประเทศไทย) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 71,000,000 หุ้น คิดเป็น 28.17% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจ (Sector) วัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร (INDUS) โดยมีบริษัท ดิสคัฟเวอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

สำหรับหุ้นที่จะเสนอขายครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 52,000,000 หุ้น เสนอขายโดยบริษัทฯ คิดเป็น20.63% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดหลัง IPO และ 2) หุ้นสามัญเดิมจำนวนไม่เกิน 19,000,000 หุ้น เสนอขายโดย SIMAT คิดเป็น 7.54%

บริษัทมีวัตถุประสงค์ที่จะใช้เงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้หลังหักค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสนอขายแล้ว เพื่อชำระคืนหนี้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน ลงทุนทรัพย์สินและ/หรือลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจปัจจุบัน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและใช้สำหรับการดำเนินการทั่วไป

ฮินซิซึ ประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตและจำหน่ายงานซิลค์สกรีนเนมเพลท ซึ่งใช้สำหรับแสดงข้อความ สัญลักษณ์และปุ่มกดบนเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ เครื่องปรับอากาศ เครื่องปรินเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร เป็นต้น และรับจ้างพิมพ์และจำหน่ายเลเบลหรือสติกเกอร์ รวมทั้งผลิตและจำหน่ายชิ้นงานปั๊มตัดและปั๊มขึ้นรูป โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

ขณะที่บริษัทย่อย คือ บริษัท ไซแมท เลเบล จำกัด (SL) ดำเนินธุรกิจรับจ้างพิมพ์และจำหน่ายเลเบลหรือสติกเกอร์ที่ส่วนใหญ่ใช้ในงานอุตสาหกรรม และผลิตชิ้นงานปั๊มโลหะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นส่วนประกอบในโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเรียกว่า ซัสเพลท (Sus Plated) ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้วงจรไฟฟ้า

และบริษัท ฮินซิตซุ พรีซิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (HPT) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ซิลค์สกรีนเนมเพลทชนิดพรีเมียมเรียกว่า In Mold Decoration (หรือ Injection Mold Decoration) (IMD) ซึ่งเป็นชิ้นงานซิลค์สกรีนเคลือบหรือหล่อขึ้นรูปด้วยพลาสติกทำให้ฉลากกับชิ้นงานหลอมเป็นเนื้อเดียวกันทำให้ได้งานที่สวยงาม ไม่หลุดลอก ซึ่งจะสร้างความแข็งแรงทนทาน เพิ่มมูลค่าและอายุการใช้งานให้ผลิตภัณฑ์ซิลค์สกรีน

ปัจจุบันธุรกิจหลักของกลุ่มแบ่งออกเป็น 4 ผลิตภัณฑ์หลัก ดังนี้

1) ผลิตภัณฑ์ซิลค์สกรีน (Silk Screen) ส่วนใหญ่จะใช้แสดงสัญลักษณ์บนแผงควบคุมการทำงานหรือแสดงวิธีการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องปรินเตอร์ เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังประยุกต์ใช้เทคนิคการทำซิลค์สกรีนเพื่อออกแบบและพิมพ์ลายวงจรไฟฟ้าบนแผ่นฟิล์มพลาสติกด้วยหมึกพิมพ์ที่เป็นตัวนำไฟฟ้า เพื่อใช้ในการรับคำสั่งและควบคุมการทำงานของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ส่วนหนึ่งจะส่งให้ HPT เพื่อเคลือบและหล่อขึ้นรูปพลาสติกเป็นผลิตภัณฑ์ IMD ตามคำสั่งซื้อของลูกค้าและเพิ่มมูลค่าให้สินค้าของกลุ่ม

2) ผลิตภัณฑ์เลเบลหรือสติกเกอร์ (Label/Sticker) เป็นการพิมพ์และ/หรือตัดสติกเกอร์ตามรูปแบบที่ลูกค้ากำหนด หลากหลายประเภทที่ใช้สำหรับอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เลเบลที่ป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิตย์ เลเบลสำหรับพิมพ์บาร์โค้ด เลเบลที่ใช้งานที่อุณหภูมิสูง กระดาษหรือเลเบลชนิดไม่ใช้หมึกพิมพ์ (Ribbonless) และฉลากประหยัดพลังงาน เป็นต้น

3) ผลิตภัณฑ์ปั๊มตัดหรือปั๊มขึ้นรูป (Press/ Die-Cut) เป็นการตัดหรือขึ้นรูปชิ้นงานแผ่นวัตถุดิบพลาสติก เทปกาว เลเบล หรือ วัสดุอื่นๆ ตามรูปแบบที่ลูกค้ากำหนด

4) ผลิตภัณฑ์ปั๊มโลหะ (Stamping) เป็นงานปั๊มขึ้นรูปแผ่นโลหะสเตนเลสหรือวัสดุชนิดอื่นตามรูปแบบที่ลูกค้ากำหนด ซึ่งส่วนใหญ่เรียกว่า Sus Plated ใช้เป็นชิ้นส่วนเพื่อเสริมความแข็งแรงของแผงวงจรไฟฟ้าให้โทรศัพท์สมาร์ทโฟน ทั้งนี้ บริษัทย่อยอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าเพื่อยกเลิกการผลิต Sus Plated เนื่องจากไม่สอดคล้องกับแผนการดำเนินธุรกิจระยะยาว

โครงสร้างผู้ถือหุ้นหลักมี บมจ.ไซแมท เทคโนโลยี (SIMAT) ถือหุ้น 63.00% หลัง IPO จะลดลงเหลือ 42.46% นายวินเซ็น ลัว บิค ยอง ถือ 20.00% จะลดเหลือ 15.87% นายเชียน ควัน ซิน 10.00% จะลดเหลือ 7.94% และ บมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ (OTO) 7.00% จะลดเหลือ 5.56%

ผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 63-65) กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมจำนวน 586.43 ล้านบาท 604 ล้านบาท และ 582.39 ล้านบาท ตามลำดับ กำไรสุทธิ จำนวน 86.95 ล้านบาท 79.09 ล้านบาท และ 55.74 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 14.83% 13.09% และ 9.57%

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น