วายแอลจีปรับเป้าหมายราคาทองคำปี 66 ใหม่ เป็น 2,075-2,200 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ รับปัจจัยหนุนนักลงทุนกังวลวิกฤตภาคธนาคารสหรัฐฯ และยุโรปอาจไม่จบง่าย ส่งผลเฟดเติมเงินสู่ระบบและมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยน้อยลง ดันทองคำทะยานทะลุ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ จับตาหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอยและเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ มีลุ้นขึ้นทดสอบ 2,200 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่ทองคำในประเทศมองกรอบ 33,800 บาท/บาททองคำ (เงินบาท 34.40 บาท/ดอลลาร์) พอร์ตลงทุนทองคำที่ดีควรรอยู่ที่ 5-15% ของพอร์ตรวม และเตือนไม่ควรไล่ราคาเสี่ยงเกิดแรงขายทำกำไร
น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ตั้งต้นปีจนถึงวันที่ 21 มี.ค.ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้วประมาณ 7.85% จากที่เปิดตลาดราว 1,823 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ มาทำระดับสูงสุดของปีที่ 2,009 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ถือเป็นการทำราคาสูงสุดใหม่ทุกวันนับจากวันศุกร์ที่ผ่านมา และเป็นการปรับขึ้นสูงสุดนับจากเดือน เม.ย.65 ถือว่าเข้ามาใกล้จุดสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 2,075 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการกลับเข้ามาเติมเงินสู่ระบบของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากเกิดปัญหาการขาดสภาพคล่องของกลุ่มธนาคารในสหรัฐฯ และลุกลามมาสู่ยุโรป ซึ่งปัจจัยนี้ยังส่งผลให้นักลงทุนจับตาดูธนาคารแห่งอื่นๆ ที่เผชิญปัญหาเดียวกันอาจจะมีมากกว่าที่เป็นอยู่ แม้ว่าเฟดและกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ จะออกมาตรการให้สถาบันการเงินขนาดใหญ่เติมสภาพคล่องสู่ระบบแต่ธนาคารท้องถิ่นของแต่ละรัฐมีจำนวนมาก จึงทำให้นักลงทุนยังมองว่ามีความเสี่ยง ดังนั้น สินทรัพย์ปลอดภัยโดยเฉพาะทองคำจึงมีแรงซื้อเข้ามา นอกจากนี้ ตลาดยังคาดการณ์ว่าเฟดจะชะลอความเข็งแกร้าวในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่เริ่มคงเข้าซื้อทองคำ จึงหนุนให้ทองคำพุ่งอย่างแข็งแกร่ง
"จากปัจจัยเหล่านี้วายแอลจีได้ปรับเป้าหมายราคาทองคำจากต้นปีที่ประเมินไว้ที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เป็น 2,075-2,200 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์"
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนทองคำในช่วงนี้หากต้องการเข้าซื้อสามารถทำได้แบบเก็งกำไรระยะสั้นเพราะราคาทองคำปรับขึ้นไปค่อนข้างมากแล้ว มีโอกาสเจอแรงขายทำกำไรแถวๆ 2,075-2,200 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ อย่างไรก็ตาม หากต้องการซื้อสะสม แนะนำให้รอราคาปรับตัวลงแถวๆ 1,804-1,786 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ คิดเป็นเงินไทยประมาณกรอบแนวรับ 29,350-29,100 บาทต่อบาททองคำ แนวต้าน 33,800 บาทต่อบาททองคำ
อย่างไรก็ดี แม้ว่าราคาทองคำจะเป็นทิศทางแกว่งตัวสู่ขาขึ้น แต่วายแอลจียังคงแนะนำสัดส่วนการลงทุนทองคำที่ดีควรมีทองคำ 5-10% ของพอร์ตการลงทุนเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนรวม โดยไม่แนะนำให้ไล่ราคาเพราะทองคำขึ้นมาใกล้จุดสูงสุดอาจจะมีแรงขายทำกำไรได้