ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุจากกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ 2 แห่งในสหรัฐฯ ถูกสั่งการให้ปิดตัวลง หลังจากที่ต้องรับมือกับสถานการณ์การแห่ถอนเงินท่ามกลางความตื่นตระหนกของผู้ฝากเงินเพียงช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา (Silicon Valley Bank ปิดตัวลงในวันศุกร์ที่ 10 มี.ค.2566 และตามมาด้วย Signature Bank ในวันอาทิตย์ที่ 12 มี.ค.2566) อย่างไรก็ดี ทางการสหรัฐฯ โดยกระทรวงการคลัง ธนาคารกลางสหรัฐฯ หน่วยงานกำกับดูแล และบรรษัทประกันเงินฝาก หรือ FDIC เร่งออกหลายมาตรการเพื่อพลิกฟื้นความเชื่อมั่น สกัดความเสี่ยงเชิงระบบของภาคธนาคารพาณิชย์สหรัฐฯ และเข้าดูแลกลุ่มผู้ฝากเงินและบรรเทาแรงกดดันต่อสถาบันการเงินอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
และเป็นที่แน่นอนว่า รอบนี้ไม่มีสถานการณ์ Too Big to Fai เกิดขึ้น เพราะมีการปิดตัวลงจริงของสถาบันการเงินที่เผชิญปัญหา ขณะหน่วยงานของทางการสหรัฐฯ และธนาคารกลางสหรัฐฯ เร่งออกมาตรการมุ่งเป้าดูแลในส่วนของผู้ฝากเงินและสถาบันการเงินอื่นๆ ที่ยังดำเนินการอยู่เพื่อสกัดไม่ให้ผลกระทบขยายวงจนกลายเป็นชนวนให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบ
อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ยังคงต้องติดตามพัฒนาการของปัญหาแบงก์ในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง เพราะดอกเบี้ยสหรัฐฯ ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น และมาตรการของทางการครั้งนี้ไม่สามารถเปลี่ยนความสามารถในการทำกำไรของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง
สำหรับผลกระทบต่อไทยนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ผลทางอ้อมน่าจะส่งผ่านมาทางความผันผวนของตลาดเงินตลาดทุน ขณะที่ผลทางตรงน่าจะค่อนข้างจำกัด เพราะคาดว่าแบงก์ไทยน่าจะมี Exposure ทางตรงกับแบงก์สหรัฐฯ ที่ประสบปัญหาน้อยมาก หรือไม่มีเลย ประกอบกับโครงสร้างพอร์ตสินทรัพย์และเงินฝากของแบงก์ไทยมีการกระจายตัว และมีการทยอยปรับกลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้เพื่อลดผลกระทบจากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นตั้งแต่ในปี 2565 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ แบงก์ไทยมีสภาพคล่องอยู่ในระดับสูงเกินเกณฑ์ และมีอัตราส่วนเงินกองทุนฯ ที่สูงและเข้มแข็งกว่าแบงก์ในสหรัฐฯ โดยเฉลี่ย
**บาทปิดแข็งค่าตามสกุลเงินเอเชีย**
ส่วนค่าเงินบาทวันนี้ (13 มี.ค.) ปิดตลาดที่ระดับ 34.60 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ 35.07 บาทต่อดอลลาร์ เงินบาทแข็งค่าขึ้นตามทิศทางสกุลเงินเอเชีย ขณะที่ตลาดกำลังติดตามสถานการณ์ปัญหาของแบงก์ในสหรัฐฯ ซึ่งอาจผลต่อเนื่องต่อจังหวะการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในวันที่ 21-22 มี.ค.นี้ สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 2,193.40 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Outflows 2,609 ล้านบาทออกจากตลาดพันธบัตรไทย (ขายสุทธิพันธบัตรไทย 1,198 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่หมด 1,411 ล้านบาท)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ คาดไว้ที่ 34.40-34.80 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามจะอยู่ที่สถานการณ์ปัญหาของแบงก์ในสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย รวมถึงตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.พ.ของสหรัฐฯ