ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดพบกลุ่มบริษัทบริการชำระเงินชั้นนำเชื่อว่า การยอมรับบิตคอยน์ในหมู่ร้านค้าจะเพิ่มขึ้นถึง 50% และคริปโตจะมีบทบาทสำคัญในการชำระเงินที่รวดเร็วขึ้นภายใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทเหล่านี้ยังมองแง่ดีว่า ตลาดคริปโตสามารถตอบสนอง “ความต้องการที่เพิ่มขึ้น” ในการเข้าถึงและมีส่วนร่วมในบริการทางการเงินที่ครอบคลุมมากขึ้น
การสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดยริปเปิลและฟาสเตอร์ เพย์เมนต์ เคาน์ซิล (เอฟพีซี) และครอบคลุมผู้นำบริการชำระเงิน 300 รายใน 45 ประเทศ พบว่า ในช่วงหลายปีมานี้เทคโนโลยีบล็อกเชนแจ้งเกิดในฐานะตัวเลือกแทนระบบการชำระเงินที่มีค่าใช้จ่ายสูง ดังจะเห็นได้จากปริมาณธุรกรรมในอุตสาหกรรมคริปโตที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เฉพาะในอเมริกานั้นมีผู้ใช้บริการชำระเงินด้วยคริปโตกว่า 5.5 ล้านรายในปีนี้
การชำระเงินด้วยคริปโต 4 ประเภทที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุด ได้แก่ การโอนเงินระหว่างประเทศ การชำระเงินข้ามพรมแดนระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) การชำระเงินผ่านบัตร และการชำระเงินระบบดิจิตอล
การโอนเงินระหว่างประเทศเป็นบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยแรงงานต่างชาติจะใช้คริปโตเพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ค่อนข้างแพงเมื่อต้องการส่งเงินกลับไปให้ครอบครัว
นอกจากนั้น การที่เพย์พาลและสไทรป์ยอมรับการชำระเงินด้วยบิตคอยน์มากขึ้นยังช่วยส่งเสริมการยอมรับคริปโตอย่างชัดเจน
นอกจากบิตคอยน์แล้ว สเตเบิลคอยน์อย่างยูเอสดีทีและยูเอสดีซีได้รับการยอมรับมากขึ้นเช่นเดียวกันเนื่องจากมีความผันผวนต่ำ โดยบิตคอยนิสต์รายงานว่า การใช้สเตเบิลคอยน์ในการชำระเงินข้ามพรมแดนมีค่าบริการถูกกว่าวิธีการชำระเงินแบบดั้งเดิมถึง 80%
ผู้ตอบแบบสำรวจราว 97% เชื่อว่า การชำระเงินด้วยคริปโตจะมีบทบาทสำคัญในการชำระเงินที่รวดเร็วขึ้นภายใน 3 ปีข้างหน้า กว่าครึ่งคาดว่า ร้านค้าส่วนใหญ่จะยอมรับการชำระเงินด้วยคริปโตในช่วงเวลาเดียวกันนี้
ตะวันออกกลางนำโด่ง
จากข้อมูลของริปเปิลและเอฟพีซี บริษัทที่ให้บริการชำระเงินส่วนใหญ่เชื่อว่า ร้านค้าทั่วโลกจะใช้คริปโตมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า ตัวแทนบริษัทบริการชำระเงิน 64% ในตะวันออกกลางเชื่อว่า ร้านค้ากว่า 50% จะเริ่มยอมรับการชำระเงินด้วยคริปโตภายใน 3 ปีหน้า
อันดับ 2 คือยุโรป 58% ตามด้วยอเมริกาเหนือและแอฟริกา 51% เท่ากัน ตรงข้ามกับตัวแทนในละตินอเมริกาที่มีเพียง 17% ที่เชื่อว่า อัตราการยอมรับดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นภายใน 3 ปี แม้อัตราการยอมรับในภูมิภาคนี้ในหมู่ธุรกิจทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการเพิ่มขึ้นก็ตาม
การสำรวจความคิดเห็นของริปเปิลและเอฟพีซียังรวมประเด็นปัญหาด้านระเบียบข้อบังคับไว้ด้วย โดยบริษัทบริการชำระเงิน 89% ระบุว่า การที่ระเบียบข้อบังคับในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิตอลขาดความชัดเจนเป็น “อุปสรรค” ขัดขวางการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นเครื่องมือในการชำระเงิน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีความคืบหน้าในการกำหนดกฎระเบียบสำหรับภาคคริปโตในหลายประเทศ เช่น เวเนซุเอลาและเอลซัลวาดอร์ที่กำหนดกรอบโครงกฎหมายสำหรับสินทรัพย์ดิจิตอลอย่างครอบคลุม
นอกจากนี้ประเทศต่างๆ ทั่วโลก อย่างเช่นแอฟริกาใต้ บราซิล และสิงคโปร์ กำลังเดินหน้ากำหนดกฎระเบียบเช่นเดียวกัน และผลสำรวจนี้สรุปว่า บริษัทต่างๆ มองแง่ดีว่า ตลาดคริปโตสามารถตอบสนอง “ความต้องการที่เพิ่มขึ้น” ในการเข้าถึงและมีส่วนร่วมในบริการทางการเงินที่ครอบคลุมมากขึ้น
ผลสำรวจยังเน้นย้ำว่า การชำระเงินด้วยวิธีการอื่นๆ ที่อิงกับเทคโนโลยีบล็อกเชน เช่น สกุลเงินดิจิตอลที่ออกโดยธนาคารกลาง (ซีบีดีซี) จะช่วยปรับปรุงระบบการชำระเงินทั่วโลก