2 มีนาคม 2566 เอดับลิวเอส (AWS) ประกาศแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ ด้วยการเปิดตัว Region ในมาเลเซีย โดยวางแผนเทเงินทุน 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.55 หมื่นล้านริงกิต เพื่อปั้นธุรกิจในมาเลเซียภายในปี 2580
ความคุ้มค่าของการลงทุนสร้าง AWS Region แห่งใหม่นี้อยู่ที่การช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานและจัดเก็บข้อมูลในประเทศมาเลเซียได้อย่างปลอดภัย พร้อมกับที่ให้บริการผู้ใช้ปลายทางด้วยค่าความหน่วงที่ต่ำ
ในอีกด้าน AWS หวังว่า Region แห่งใหม่จะสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ AWS ในการตอบสนองความต้องการด้านการใช้คลาวด์ในมาเลเซีย และทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เต็มคาราเบลกว่าเดิม
***คลาวด์ต่างชาติที่ลงทุนมากสุดในมาเลเซีย
อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services : AWS) นั้นเป็นบริษัทในเครือ Amazon.com, Inc. การประกาศแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ด้วยการเปิดตัว Region ในประเทศมาเลเซีย ถูกวางเป้าหมายให้ Region แห่งใหม่ช่วยให้นักพัฒนา สตาร์ทอัป และองค์กรต่างๆ รวมถึงภาครัฐ การศึกษา และองค์กรไม่แสวงผลกำไรมีทางเลือกมากขึ้นในการเรียกใช้แอปพลิเคชันของทุกคน รวมถึงให้บริการผู้ใช้ปลายทางจากศูนย์ข้อมูล AWS ที่ตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย ความน่าสนใจคือการที่ AWS วางแผนลงทุนมากกว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 25.5 พันล้านริงกิต) ในมาเลเซียภายในปี 2580 ถือเป็นลงทุนด้านเทคโนโลยีในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย
นายดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวถึงการลงทุนที่นับเป็นส่วนหนึ่งของความคาดหวังที่ AWS มีต่อภูมิภาคนี้ว่า AWS มุ่งมั่นที่จะลงทุนด้านเทคโนโลยีในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมวิสัยทัศน์ Malaysia Madani ของประเทศในด้านเศรษฐกิจที่มีทักษะสูง ใช้นวัตกรรม มีความมั่งคั่งและยั่งยืน
“การที่มาเลเซียเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก เทคโนโลยีขั้นสูง และโปรแกรมทักษะด้านคลาวด์ของ AWS จะช่วยปลดล็อกโอกาสต่างๆ สําหรับธุรกิจทุกขนาดในประเทศให้สามารถสร้างและขยายไปได้ทั่วโลก และยังช่วยบ่มเพาะบุคลากรที่มีทักษะสูง กระตุ้นการสร้างงานใหม่ และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้อีกด้วย การประกาศในวันนี้เป็นการสนับสนุนความเป็นผู้นําของมาเลเซียในเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก และเราหวังว่าจะได้สานต่อความร่วมมือกับ AWS ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายของประเทศในการใช้ระบบคลาวด์เป็นอันดับแรก”
ปราสาท กัลยาณรามัน รองประธานฝ่ายบริการโครงสร้างพื้นฐานของ AWS เชื่อว่า AWS Region ใหม่นี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งในระยะยาวของเราที่มีต่อลูกค้าและองค์กรต่างๆ ในมาเลเซีย ตลอดจนความมุ่งมั่นของ AWS ในการตอบสนองความต้องการจำนวนมากที่เติบโตอย่างรวดเร็วในการใช้คลาวด์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ AWS จึงภูมิใจที่ได้สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของมาเลเซียด้วยระดับความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือสูงสุดที่มีอยู่ในโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ของ AWS
“เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนองค์กรและบริษัทต่างๆ และสตาร์ทอัปในมาเลเซียในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วยระบบคลาวด์ เพื่อกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจทั่วประเทศ รวมถึงการสร้างงาน การฝึกอบรมทักษะ และโอกาสทางการศึกษาให้แก่ชุมชนที่ตั้งอยู่โดยรอบศูนย์ข้อมูลของเรา”
AWS Region แห่งใหม่นี้จะประกอบด้วย Availability Zone 3 แห่ง ซึ่งเพิ่มเติมจาก Availability Zone ของ AWS ที่มีอยู่แล้ว 99 แห่งใน 31 ภูมิภาคทั่วโลก และในวันนี้ AWS ได้ประกาศแผนที่จะเปิดตัว Availability Zone เพิ่มอีก 15 แห่ง และ AWS Region อีก 5 แห่งในแคนาดา อิสราเอล มาเลเซีย นิวซีแลนด์ และไทย
AWS Region ประกอบด้วย Availability Zone ที่วางโครงสร้างพื้นฐานในที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่แยกจากกันและแตกต่างกัน โดยมีระยะห่างเพียงพอที่จะลดความเสี่ยงหากเกิดเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้งานที่ต่อเนื่องของลูกค้า แต่ก็ใกล้พอที่จะให้ค่าความหน่วงต่ำสําหรับแอปพลิเคชันที่มีต้องการความเสถียรสูงซึ่งใช้หลาย Availability Zone
Availability Zone แต่ละแห่งจะมีแหล่งพลังงาน การระบายความร้อน และการรักษาความปลอดภัยทางกายภาพที่แยกจากกัน และเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายที่มีการเสริมและสำรอง และมีค่าความหน่วงต่ำเป็นพิเศษ ลูกค้า AWS ที่เน้นความเสถียรและพร้อมใช้งานสูงสามารถออกแบบแอปพลิเคชันให้ทํางานในหลายๆ Availability Zone และในหลาย Region ได้เพื่อให้เกิดความทนทานต่อความเสียหาย (fault tolerance) ที่ดียิ่งขึ้น
"AWS Region แห่งใหม่นี้จะช่วยให้ลูกค้าที่ต้องการเก็บข้อมูลไว้ในประเทศสามารถจัดเก็บข้อมูลในประเทศมาเลเซียได้อย่างปลอดภัย พร้อมให้ค่าความหน่วงที่ต่ำ และตอบสนองความต้องการในการใช้คลาวด์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลูกค้าตั้งแต่สตาร์ทอัปไปจนถึงองค์กรต่างๆ รวมถึงภาครัฐ และองค์กรไม่แสวงผลกำไรจะสามารถใช้เทคโนโลยีขั้นสูงจากระบบคลาวด์ชั้นนำของโลกได้ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม ทั้งนี้ AWS นำเสนอบริการที่หลากหลายและเชี่ยวชาญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบริการด้านการวิเคราะห์ การประมวลผล ระบบฐานข้อมูล อินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง (IoT) แมชชีนเลิร์นนิง บริการด้านโมบาย พื้นที่จัดเก็บข้อมูล และเทคโนโลยีคลาวด์อื่น" AWS ย้ำ
***มาเลเซีย ลูกค้าบิ๊กเนม
AWS ย้ำว่าองค์กรที่เป็นลูกค้า AWS ในมาเลเซียนั้นต้อนรับแผนการเปิดตัว AWS Region ในประเทศมาเลเซียอย่างคึกคัก โดยลูกค้า AWS ในมาเลเซียนั้นมีทั้ง Astro Malaysia Berhad, Axiata Group, ธนาคารอิสลามมาเลเซีย, CelcomDigi, Johor Corporation, PayNet และ Petroliam Nasional Berhad (PETRONAS)
ในส่วนของลูกค้าภาครัฐของมาเลเซียที่ใช้ AWS เพื่อช่วยเพิ่มการประหยัดต้นทุนและให้บริการประชาชนในประเทศได้ดียิ่งขึ้น ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งเอเชียแปซิฟิก, BeEducation, Cybersecurity Malaysia, กรมสถิติของมาเลเซีย, กระทรวงอุดมศึกษาของมาเลเซีย, Pos Malaysia และ Tenaga Nasional Berhad (TNB) นอกจากนี้ บริษัทสตาร์ทอัปและธุรกิจขนาดเล็กในมาเลเซีย เช่น Baba Products, Carsome, Omesti Berhad และ StoreHub ได้สร้างธุรกิจบน AWS เพื่อที่จะสามารถขยายได้อย่างรวดเร็วทั้งในระดับประเทศและระดับโลก
ยกตัวอย่างเช่น PayNet เครือข่ายการชำระเงินระดับชาติและโครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางที่ใช้ร่วมกันในกลุ่มตลาดการเงินของมาเลเซีย ที่ใช้ AWS เพื่อรันปริมาณงานธนาคารที่สำคัญ รวมถึงระบบการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด MyDebit ของบริษัท
หรือ Petroliam Nasional Berhad (PETRONAS) ผู้ให้บริการด้านพลังงานและโซลูชันระดับโลกที่มีสำนักงานอยู่ในกว่า 50 ประเทศ ที่เป็นลูกค้าของ AWS มาตั้งแต่ปี 2557 รวมถึง Pos Malaysia ผู้ให้บริการไปรษณีย์และพัสดุแห่งชาติของมาเลเซีย มีเครือข่ายการจัดส่งและการค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยจัดส่งไปยังที่อยู่มากกว่า 10 ล้านแห่ง และมีบริการด้านค้าปลีกตั้งอยู่มากกว่า 3,500 จุด โดยข้อมูลระบุว่า Pos Malaysia วางแผนที่จะย้ายโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีส่วนใหญ่ไป AWS ภายในปี 2566 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของบริษัท
ยังมี TNB เป็นผู้ให้บริการไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซียและให้บริการลูกค้าเชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรม และที่อยู่อาศัยมากกว่า 9.5 ล้านรายทั่วประเทศ
แผนลงทุน 2.5 หมื่นล้านริงกิตปั้นคลาวด์ Region มาเลเซียของ AWS จึงมีสัญญาณกำไรชัดเจน