พลัส พร็อพเพอร์ตี้ฯ ธุรกิจในเครือแสนสิริ มองตลาดอสังหาฯ เริ่มฟื้นตัว ยอดเปิดโครงการกลับมาเติบโต ประกาศแผนธุรกิจปี 2566 วางเป้าขยายพอร์ตบริหารจัดการโครงการเพิ่มรวมเป็น 400 โครงการ ชู 3 กลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจและส่งมอบบริการที่ดีให้ลูกค้า วางเป้าปีสร้างรายได้ 1,700 ล้านบาท
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้นำการบริหารจัดการพื้นที่และบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า เริ่มฟื้นตัวจากการที่ธุรกิจท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างชาติเพิ่มขึ้น ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น จากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ปีนี้ พบว่าตลาดที่อยู่อาศัยโครงการใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 94.6% ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ทำให้ในตลาดเริ่มมีซัปพลาย (Supply) มากขึ้นตามไปด้วยคิดเป็น 14.3%
ซึ่งจากปลายปี 65 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดเพิ่มขึ้น 145.3% ขณะที่กลุ่มบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมมีการขยับตัวดีขึ้น 59.6% รวมถึงมีอาคารสำนักงาน (ออฟฟิศ) สำนักงานให้เช่าที่กำลังทยอยแล้วเสร็จรับการกลับมาของการทำงาน สะท้อนให้เห็นว่าการเติบโตของตลาดอสังหาฯ ในปีนี้เป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้มีความต้องการบริษัทบริหารจัดการอาคารที่เป็นมืออาชีพมาดูแลอาคารเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
พลัสฯ เผยผลการดำเนินงานปี 2565 เติบโตขึ้น ผ่าน 4 เสาหลักของธุรกิจ ได้แก่ การบริการดูแลที่พักและบริหารโครงการบริหารอาคารที่พักอาศัยแนวราบและนิติบุคคลอาคารชุด (Property Management) บริการบริหารอาคารเชิงพาณิชย์ (Facility Management) LIV - 24 ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ และงานที่ปรึกษางานขายโครงการ บริหารการขายและการตลาด (Sale Management & Brokerage) ในปี 2566 พลัสฯ ได้ตั้งเป้าหมายเน้นธุรกิจในตลาดที่เชี่ยวชาญ ขยายเพิ่มเป็นกว่า 400 โครงการ เป้ารายได้ที่ 1,700 ล้าน บาท
สำหรับกลยุทธ์และแผนงานของพลัสฯ ในปี 2566 นั้น ยังตั้งเป้าให้เป็นปีแห่งการเติบโต โดยวางกลยุทธ์ 3 ด้านที่จะขับเคลื่อนธุรกิจและส่งมอบคุณภาพงานบริการที่ครอบคลุมทุกมิติ
1.Business Growth การเติบโตของธุรกิจอย่างแข็งแกร่งครบทุกมิติ
เริ่มจากงานบริหารจัดการอาคาร (Property Management) ชูจุดเด่นด้วยผู้นำด้านคุณภาพการบริการระดับสากลที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 3 ด้านเป็นรายแรกและรายเดียวในไทย รวมถึงมีการทำงานแบบ Customised Service ที่รู้จักและเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม โดยแบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจดูแลงานบริหารโครงการที่พักอาศัย เน้นขยายกลุ่มลูกค้าในกลุ่มที่พักอาศัยระดับลักชัวรี ในกลุ่มบริหารทรัพยากรอาคารเชิงพาณิชย์และระบบวิศวกรรม ขยายไปในธุรกิจสำนักงานอาคารเกรดเอ ขนาดใหญ่ ธุรกิจธนาคารและการลงทุน ธุรกิจโรงพยาบาล สถานศึกษา รวมถึงกลุ่มอาคารเพื่อการพาณิชย์อื่นๆ เป็นต้น พลัสฯ พร้อมดูแลอย่างมืออาชีพเป็นพาร์ตเนอร์เคียงข้างเจ้าของอาคารตอบโจทย์ธุรกิจและยกระดับมาตรฐานอาคารมุ่งไปสู่เป้าหมายร่วมกัน
เรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ LIV-24 ขยายพอร์ตจากโครงการที่พักอาศัยสู่โครงการเพื่อการพาณิชย์ เช่น ศูนย์บริการที่มีหลายสาขา โรงเรียน โรงแรม โรงงาน อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ชูความสามารถของเทคโนโลยีและประสบการณ์ของคนที่เชี่ยวชาญผสานกันอย่างลงตัว เตรียมเปิด platform ยกระดับความปลอดภัยในอาคารเชิงพาณิชย์ด้วย ด้วยระบบ Visitor Management System คัดกรองบุคคลเข้าออกภายในอาคาร เพิ่มความปลอดภัยที่เหนือกว่าด้วยระบบประมวลผลอัตโนมัติเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านงานบริหารสินทรัพย์ (Asset Management) ประกอบไปด้วย ธุรกิจ Sole Agent ปีที่ผ่านมาได้รับเป็นที่ปรึกษา
บริหารการขายโครงการและการตลาด 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 10,500 ล้านบาท ซึ่งได้รับความเชื่อมั่นจากผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหม่และลูกค้าเดิมที่ไว้วางใจมาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดเศรษฐกิจ สำหรับในกลุ่มซื้อ ขาย เช่านั้น ได้รับอานิสงส์การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ปลายปี ทำให้อุปสงค์ในการเช่าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดของพลัสฯ เพิ่มสูงขึ้นเป็น 55% และ 400% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเดียวกัน
2.People Development ยกระดับมาตรฐานงานบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ ปั้นคนเข้าสู่ตลาดแรงงาน รับการเติบโตของอสังหาฯ ตั้งเป้าเป็นองค์กรที่ให้ความรู้ สร้างมาตรฐานและพัฒนาศักยภาพคนทั้งพนักงานภายในองค์กร และบุคคลภายนอก โดยมีสถาบัน PLUS Eduplex ได้เข้าไปร่วมสร้างหลักสูตร รวมกับสถาบันการศึกษาชั้นนำ ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา วิทยาลัยเทคโนโลยีสหวิทย์บริหารธุรกิจ จังหวัดสุพรรณบุรี วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชูทิศ วิทยาลัยการอาชีพมหาราช วิทยาลัยสารพัดช่างนครหลวง เป็นต้น เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนมีความรู้ความเชี่ยวชาญในสายงานอาชีพ พร้อมตั้งเป้าผลิตคนในสายงานอาชีพบริหารอาคารกว่า 1,000 คนต่อปี เข้าสู่ตลาดการทำงานธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนต์ ให้รองรับกับตลาดอสังหาฯ โดยมีการ Upskill พนักงานเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงานโดยนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับเทรนด์โลก ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลมากขึ้น
3.Technology Driven ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อนำมาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าและนำเสนอบริการให้ตรงใจที่สุดในทุกรูปแบบการอยู่อาศัย โดยในปีนี้พลัสฯ ได้พัฒนาเทคโนโลยีให้ครอบคลุมหลายระบบการทำงานมากขึ้น มีเพิ่ม Features ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองการใช้งานมากขึ้นใน LIVING PLUS APPLICATION ที่รองรับทุกความต้องการของลูกบ้านในเรื่องการอยู่อาศัยไว้ในที่เดียวการพัฒนา Feature ใหม่ตอบโจทย์ผู้ช่วยด้านการอยู่อาศัยอย่าง PLUS Living Concierge ที่รวบรวมสินค้าและบริการราคาพิเศษมาให้ในการดูแลอาคารและระบบวิศวกรรมอาคารมีการพัฒนาระบบ HVAC AIoT โซลูชันอัจฉริยะ ป้องกันการสูญเสียพลังงานในอาคาร ช่วยลดค่าใช้จ่ายในอาคารสูงมากถึง 30% ซึ่งเป็นกระแสการตอบรับที่ดีต่อการอนุรักษ์พลังงานในการดูแลอาคาร Green Building ปัจจุบัน รวมถึงมีทีมวิเคราะห์ข้อมูล Data Analytics นำมาพัฒนาระบบ CRM ให้เข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าได้อย่างชัดเจนผ่าน Customer Journey เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ วางไว้
“ในวันนี้ พลัสฯ ประกาศชัดเจนเป็นบริษัทฯอันดับหนึ่งในใจของลูกค้า เพื่อส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด เรามุ่งมั่นเป็นเลิศในการสร้างมาตรฐานและยกระดับการบริการของเราให้เป็นไปตามสากล ด้วยความเชี่ยวชาญครอบคลุมทุกๆ ด้าน พลัสฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมและต่อยอดธุรกิจให้เติบโต มีการลงทุนระบบด้านเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้นซึ่งปีนี้มี โดยวางสัดส่วนรายได้อันดับ 1 มาจากด้านการบริหารจัดการโครงการที่อยู่อาศัยและอาคารเพื่อการพาณิชย์ถึงร้อยละ 80 พร้อมเดินหน้ามองหาลูกค้ารายใหม่ในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความท้าทายใหม่ๆ ในปีนี้”
ปัจจุบัน พลัส พร็อพเพอร์ตี้ บริหารโครงการที่พักอาศัยและอาคารเพื่อการพาณิชย์กว่า 350 โครงการ โดยคิดเป็นพื้นที่กว่า 18 ล้านตร.ม.