LPN กลับมาผงาดในตลาดอสังหาฯ ประกาศแผนครั้งใหญ่ปี 66 เปิด 17 โครงการ มูลค่า 14,000 ล้านบาท มากสุดรอบ 10 ปี พร้อมรุกพัฒนาโครงการให้เกิดความน่าอยู่ในทุกมิติ ลุคทันสมัย ภายใต้โฉมหน้าแบรนด์ใหม่ “168” พร้อมเปิดพรีเซลล์ 3 โครงการที่พักอาศัยระดับพรีเมียม หวนคืนเปิดแนวรบตลาดต่างจังหวัดอีกครั้ง สร้างพอร์ตลูกค้าอีอีซี มั่นใจรายได้รวมทั้งกลุ่มปีนี้เฉียด 9,000 ล้านบาท ระบุความชัดเจนเรื่องเลือกตั้งทำให้เกิดผลต่อระบบเศรษฐกิจ
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวว่า ปี 2566 เป็นปีที่ท้าทายในการขับเคลื่อนองค์กร ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ซื้อที่อยู่อาศัยภายหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดย LPN กำหนดให้ปี 2566 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ดีตามแนวคิด “Transform for Better Living” เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนทุกวัย และขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นผ่านการพัฒนาและการออกแบบที่อยู่อาศัยที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าในทุกระดับ เพื่อสร้างรายได้รวม 50,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2565-2569 ตามแผนโรดแมป 5 ปี
“ปี 2566 เป็นปีที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในหลายมิติ ทั้งการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีโอกาสถดถอย อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 บริษัทฯ จึงวางแผนยกระดับการบริหารจัดการเพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริง ตั้งแต่การนำร่องเผยโฉมรูปลักษณ์ใหม่ของการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ ‘168’ ดังที่ได้เห็นมาบ้างแล้วในช่วงปี 2565 ซึ่งนับเป็นการเริ่มต้นสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ LPN ได้ชัดเจนขึ้นที่มีความทันสมัย และตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมถึงแผนการขยายการพัฒนาที่อยู่อาศัยไปสู่โครงการบ้านพักอาศัยระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการตอบรับที่ดีจากลูกค้าจนสามารถปิดการขายโครงการ BAAN 365 RAMA 3 ไปเป็นที่เรียบร้อย”
โดยการก้าวสู่มิติใหม่ของ LPN ที่ยึดความต้องการของลูกค้า (Customer Insight) เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาองค์กรเป็นสำคัญ แอลพีเอ็นจึงมุ่งมั่นตั้งใจสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าเป้าหมายมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้ใหม่ของแบรนด์ ‘168’ รวมถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารจัดการภายในให้สามารถกระจายรายได้อย่างสม่ำเสมอ และมีการเติบโตของกำไรอย่างน้อย 10% ต่อปี ตามแผนการขับเคลื่อนองค์กร ‘Turnaround” ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2565 ต่อเนื่องมาถึงปี 2566
นายโอภาส กล่าวถึงการกลับมาของ LPN ในปีนี้ว่า หลังจากช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เราได้เคลียร์ปัญหาต่างๆ และเตรียมความพร้อม โดยมีการระบายสินค้าคงค้างออกไปจำนวนมาก ส่งผลให้มีกระแสเงินสดเข้าสู่องค์กร โดยในปีนี้ จะเป็นปีที่ 2 ของตามแผนโรดแมป โดยจะเริ่มกลับมาเปิดโครงการใหม่อย่างเต็มที่ ซึ่งปีนี้ LPN มีที่ดินทั้งหมดในการเปิดโครงการใหม่รวม 17 โครงการ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “168” แบ่งเป็นโครงการคอนโดฯ จำนวน 4 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท และโครงการบ้านพักอาศัย 13 โครงการ มูลค่า 9,000 ล้านบาท ซึ่งจะกระจายทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมเปิดพรีเซลล์ 3 โครงการที่พักอาศัยระดับพรีเมียม ได้แก่ Residence 168 ราชพฤกษ์ Maison 168 เมืองทอง และ Villa 168 เวสต์เกต พร้อมกันในวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์นี้
"เดิมเราทำตลาดอยู่กรุงเทพฯ มีออกต่างจังหวัดบ้าง แต่จากนี้เราจะขยายโลเกชันไปสู่พื้นที่อื่นๆ ออกไปสู่ต่างจังหวัดอีกครั้งในรอบ 5 ปี หาพันธมิตรเพิ่มมากขึ้น เช่น เราซื้อที่ดินแปลงจังหวัดนครปฐม เราจะทำทาวน์เฮาส์ เราไปชลบุรี มองรอบๆ นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร สนใจไปเปิดคอนโดฯ และบ้านราคาที่จับต้องได้"
สำหรับเป้าหมายความสำเร็จของรายได้รวมทั้งกลุ่มในปีนี้น่าจะทำได้ประมาณ 8,900 ล้านบาท แยกเป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 7,600 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงขึ้น 20% จากปี 2565 และจะมีรายได้จากธุรกิจเสริมประมาณ 1,300 ล้านบาท โดยในเป้าของการซื้อที่ดินวางไว้ 4,000 ล้านบาทต่อปี และในแต่ละปีจะใช้งบเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ปัจจุบัน LPN มียอดขายรอบันทึกรายได้ (แบ็กล็อก) ประมาณ 1,800 ล้านบาท มีสินค้าคงค้าง 7,600 ล้านบาท
นายโอภาส กล่าวถึงความชัดเจนหลังรัฐบาลประกาศมีการเลือกตั้งว่า ไม่มีผลกระทบภาพรวมเศรษฐกิจ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลได้ดำเนินการออกมาแล้ว และน่าจะเป็นปัจจัยบวก เนื่องจากช่วงที่ผ่านนมา ไม่มีความชัดเจน แต่ตอนนี้จะมีความชัดเจนในเรื่องการเลือกตั้ง จะทำให้เกิดเงินสะพัดได้
