เอเซียพลัส คัด 18 หุ้น จาก 8 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวเร็วกว่าคาด หลังยกเลิก มาตรการ Zero Covid และเปิดประเทศตั้งแต่ต้นปี หนุนไทยได้ประโยชน์ แนะนำเข้าสะสมบริเวณ SET Index บริเวณใกล้เคียง 1610 จุด และเลือกหุ้นอย่างพิถีพิถันมากขึ้น เลือก SCGP, NER, SAWAD เป็น Top Pick
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล. เอเซียพลัส(ASPS) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนมีโน้มฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่องและเร็วกว่าที่คาด หลังยกเลิกมาตรการ ZeroCovid และเปิดประเทศ ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ สะท้อนได้จากตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่หดตัวไปช่วง 4Q65 และกลับมาฟื้นตัวได้ดีช่วง 1Q65 โดยล่าสุดเดือน ก.พ. ยังปรับตัวดีขึ้นชัดเจนมากกว่า 50 จุด และออกมาดีกว่าที่คาดมาก เฉพาะอย่างยิ่งในด้านบริการที่ค่อนข้างฟื้นตัวได้โดดเด่น ที่สำคัญ PMI ยังเป็นการฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ โดยช่วงครึ่งแรก 4Q65 จีนมีการใช้มาตรการควบคุมโควิดเพิ่มเติม
ขณะที่รัฐบาลจีนค่อนข้างให้ความสำคัญกับการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ และมีความพร้อมเต็มที่ในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทั้งการดำเนินนโยบายการเงินและการคลัง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อจีนที่ยังอยู่ระดับต่ำกว่าประเทศอื่นๆ(เดือน ม.ค. CPI +2.1%YoY) รวมถึงยังเห็นการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำ
ซึ่งเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัว ส่งผลโดยตรงต่อภาคการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากจีนเป็นประเทศสู่ค้าที่สำคัญของไทย โดยในปี 2565 มูลค่าการค้าของไทย มาจากจีนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ราว 1.05 แสนล้านเหรียญฯ (สัดส่วน 18% ของการค้าโลก) ขณะที่ไทยก็ส่งออกสินค้าไปจีนมีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐ ราว 3.4 หมื่นล้านเหรียญฯ (สัดส่วน 12% ของการส่งออกโลก) และเมื่อดูในฝั่งจีน จะเห็นได้ว่า มูลค่าการนำเข้าสินค้าจากไทยไปจีนมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ปีล่าสุดอยู่ที่ 6.17 หมื่นล้านเหรียญฯ (ค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง โตเฉลี่ยปีละ 4.7%)
ดังนั้น Demand ที่ฟื้นตัวภายในประเทศจีน ทำให้โอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังจีนมีแนวโน้มดีขึ้น และยังมีข้อสังเกตข้อมูลในอดีตในทุกๆ ช่วงต้นปี (ม.ค.-ก.พ.) มูลค่าการส่งออกมักชะลอตัวลงในช่วงเทศกาลวันตรุษจีนเสมอ และหลังจากนั้นจะปรับตัวสูงขึ้น ตามลำดับ ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคการส่งออกของไทยในระยะถัดไป
สรุป เศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มฟื้นตัวเด่น จากการกระตุ้นของภาครัฐฯ และการเปิดเมือง หนุนให้ประเทศไทยได้ประโยชน์ในมุมของมูลค่าการค้าที่อิงกับประเทศจีนมากสุด ทำให้มีโอกาสเห็นตัวเลขเศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวเด่นในระยะถัดไปเช่นกัน
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการคัดกรองหุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นขึ้นเร็วกว่าคาด โดยแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ ได้ดังนี้
กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 22.5 ล้านคน เร็วกว่าคาด AOT , SJWD , ERW , CENTEL , MINT
กลุ่มยางพารา การเดินทางเพิ่มขึ้น หนุนผู้ใช้รถยนต์เปลี่ยนยางมากขึ้น NER
กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ความต้องการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น KCE , SMT
กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ความต้องการ โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดฯมากขึ้น โดยจีนเป็นลูกค้าอันดับ1 สัดส่วน 50-60% ของมุลค่าโอนกรรมสิทธิต่างชาติ NOBLE , SIRI , ORI
กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับสูงขึ้น เนื่องจากจีนมีสัดส่วนบริโภคสูงเมื่อเทียบทั้งโลก SCC , SCGP
กลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี ราคาและ Spread ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีฟื้นตัว จากความต้องการใช้สินค้าอุปโภคบริโภคทยอยเพิ่มขึ้น TOP , PTTGC
กลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม การจับจ่ายใช้สอยกลับมากสูงขึ้น CBG
และกลุ่มเช่าซื้อ ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้เพิ่มขึ้น MTC , SAWAD รับประโยชน์ทางอ้อม
เลือก SCGP, NER, SAWAD เป็น Top Pick
นอกจากนี้ ยังมีหุ้นหลายบริษัทราคาหุ้นในปีนี้ (ytd) ย่อตัวลงมา (Laggard) จนเริ่มน่าสนใจ อาทิ SCGP, SJWD (เข้า SET100), NOBLE, MTC, ANAN, SCC, IRPC, AOT, NER, SMT, PTTGC และหุ้นที่มี Momentum ชนะตลาดได้ดีในช่วงที่ผ่านมา (ytd) อย่าง KCE, MINT, CBG, CENTEL, SAWAD (เข้า SET50), ERW, STA
สรุป Valuation ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างตึง ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินจุดเข้าสะสมสำคัญ คือ SET Index บริเวณใกล้เคียง 1610 จุด ส่วนกลยุทธ์การเลือกหุ้นในการลงทุนช่วงนี้จำเป็นต้องพิถีพิถันมากขึ้น และหนึ่งในธีมน่าลงทุนคือ หุ้นเด่นรับเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว (China Play) ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น โดย Top pick วันนี้เลือก SCGP, NER, SAWAD