เอเซียพลัส หั่นเป้ากำไร บจ.ปีนี้ เหลือ 91.8 บาท/หุ้น จาก 99.2 บาท/หุ้น ส่วนเป้าดัชนีฯ อยู่ที่ 1,610 จุด หลังกำไรโค้งสุดท้ายปี65 ลดลงหนัก กระทบประมาณการ ขณะที่ตลอดเดือน ก.พ. นักลงทุนต่างชาติยังขายหนักต่อเนื่อง หวัง มี.ค. แรงขายชะลอลง หากมีปัจจัยบวกเข้ามาเสริม เช่น เสถียรภาพทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง หรือ กนง. ชะลอขึ้นดอกเบี้ย พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุน มี.ค. เน้น Selective หุ้นที่กำไรงวด 4Q65 ผ่านจุดเลวร้ายไปแล้ว และฟื้นตัวต่อในช่วง 1Q66 เช่น IVL, BGRIM, BLA, JMT และหุ้นอิงการฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศ เช่น CRC, CBG, AP
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า ได้ปรับประมาณการ EPS และ เป้าหมาย SET Index ใหม่ หลังจากกําไรบริษัทจดทะเบียน 4Q65 ที่ลดลงแรง สร้าง Downside ต่อประมาณการ EPS66F เนื่องจาก EPS ที่ลดลงทุกๆ 1% กดดันดัชนีเป้าหมายลง 17 จุด
ขณะที่กําไรบริษัทจดทะเบียนปี 2566 ล่าสุดฝ่ายวิจัย ASPS ปรับลดประมาณการกําไรลงจาก 1.27 ล้านล้านบาท เป็น 1.12 ล้านล้านบาท และ EPS66F ลดลงจาก 99.2 บาท/หุ้น เหลือ 91.8 บาท/หุ้นเมื่อคูณกับ P/E 17.54 เท่า (ที่คํานวณจาก MEYG 4.2% ภายใต้ดอกเบี้ยนโยบาย 1.5%) ได้ดัชนีเป้าหมายอยู่ที่ 1610 จุด
สรุปกําไรบริษัทจดทะเบียนงวด 4Q65 ต่ํากว่าคาดมาก สร้าง Downside ตลาดเกิดขึ้นอย่างชัดเจน โดยดัชนีเป้าหมายเหลือเพียง 1610 จุด และยังกดดันให้ Fund Flow พลิกกลับมาไหลออกอย่างชัดเจนในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา
หวัง มี.ค. ต่างชาติชะลอขาย จาก ก.พ. ถูกขายสุทธิมากสุดในภูมิภาค
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายหนักใน เดือน ก.พ. 66 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับแรงกดดันภายนอกทั้งประเด็นความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์, เงินเฟ้อสหรัฐที่ยืนระดับสูง และที่สําคัญคือการรายงานงบการเงินไตรมาสที่4 ปี 2565 ของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ผิดจากที่
ตลาดคาด (Negative Surprise) มากขึ้นเรื่อยๆ จาก -20% ขึ้นสู่ระดับปัจจุบัน -40%
รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่าขึ้นมาเร็วถึง 5.2% ytd ส่งผลให้เป็นแรงกดดันให้ Fund Flow ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยในเดือน ก.พ. นี้สูงกว่าปกติ ถึง 1.1 พันล้านเหรียญ หรือ 3.7 หมื่นล้านบาท โดยตลาดหุ้นไทยถูกขายสุทธิสูงสุดในภูมิภาคในเดือนนี้ และอีกมุมหนึ่ง คือ เป็นเดือนที่ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่เดือน เม.ย. 63 หรือช่วงเกิด COVID-19 ใหม่ๆ
อย่างไรก็ดี แม้ต่างชาติจะกลับมาขายสุทธิหุ้นไทยหนักในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังเชื่อว่า Fund Flow ในระยะถัดไปมีโอกาสชะลอการไหลออก หากมีประเด็นบวกเข้ามาเสริม เช่นความมีเสถียรภาพทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง กนง. ชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย หรือเลื่อนกําหนดเวลาขึ้นดอกเบี้ยในวันที่ 29 มี.ค. 66 ออกไป รวมถึง Downside ของ SET Index ตามประมาณการใหม่มีจํากัด
แนะกลยุทธ์ลงทุน มี.ค. เน้น Selective มากขึ้น
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเดือน มี.ค. ต้อง Selective มากขึ้น ภายใต้ Valuation ตลาดหุ้นไทยที่เริ่มตึงมากขึ้น รวมถึง Fund Flow ชะลอการไหลออก การเลือกหุ้นลงทุนจําเป็นจะต้องพิถีพิถันมากขึ้น โดยฝ่ายวิจัยฯ ทําการศึกษา พบว่า เวลากําไรบริษัทจดทะเบียนฟื้นขึ้นจากฐานที่ต่ํา QoQ หุ้นมีโอกาสฟื้นตัวตามในระยะถัดไปเช่นกัน
ดังนั้นหุ้นเด่นประจําเดือน มี.ค. แนะนําสะสมหุ้นกําไรงวด 4Q65 ผ่านจุดเลวร้าย (Bottom Out) และฟื้นตัวต่อในช่วง 1Q66 อย่าง IVL, BGRIM, BLA, JMT รวมถึงหุ้นอิงการฟื้นตัวเศรษฐกิจใน ประเทศ ที่มีกําไรฟื้นตัวต่อเนื่อง CRC, CBG, AP ส่วนหุ้น Tactical Short Sell เดือน นี้ คือ HANA SCCC
หุ้นเด่นเดือน มี.ค.
Company Mkt.Cap (B. Baht) FairValue Upside PER23F EPS Growth 23F
Recommend "BUY"
IVL 206.33 52.00 41.5% 7.13 -12.8%
JMT 67.85 65.00 39.8% 31.62 22.9%
BLA 54.22 42.00 32.3% 15.19 11.1%
AP 39.01 15.50 25.0% 6.40 3.7%
BGRIM 101.67 48.00 23.1% 80.50 Turnaround
CRC 269.89 55.00 22.9% 29.05 29.5%
CBG 101.00 111.00 9.9% 30.98 42.6%
Recommend "Switch"
HANA 46.48 52.00 -10.0% 17.34 27.5%
SCCC 43.36 124.00 -14.8% 16.43 42.2%
ที่มา : บล.เอเซียพลัส