ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส แจกปันผลปี 2565 เพิ่มอีกหุ้นละ 0.16 บาท กำหนดจ่าย 3 พฤษภาคม 2566 นี้ รวมทั้งปีจ่าย 0.36 บาทต่อหุ้น กางแผนปี 2566 กำเงินลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท ยก GINKA เป็นไฮไลต์ เดินหน้าผลิตและติดตั้งปีนี้ให้ได้ 5,000 จุดบริการ พร้อมรับอานิสงส์เต่าบินขยายให้ถึง 10,000 ตู้ รับกำไรถือหุ้น 26.71% เต็มปี ด้านผู้บริหารสั่งลุยขยายทุกแพลตฟอร์มบริการออนไลน์และออฟไลน์ในกลุ่มธุรกิจเติมเงินและรับชำระเงิน ส่วนกลุ่มธุรกิจการเงินครบวงจรเตรียมเป็นตัวแทนแบงก์เพิ่มอีก 1 แถมเล็งปล่อยสินเชื่ออีก 500-1,000 ล้านบาท
นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.16 บาท รวมเป็นเงิน 121 ล้านบาท จากผลประกอบการครึ่งหลังปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2565 ถึง 31 ธ.ค.2565 โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 9 มีนาคม 2566 พร้อมจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 ทั้งนี้ บริษัทได้มีการจ่ายเงินปันระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท จากผลประกอบการ 6 เดือนแรกไปเมื่อวันที่ 8 ก.ย.2565 ทำให้ปี 2565 บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลรวม 0.36 บาทต่อหุ้น
ขณะที่ผลประกอบการปี 2565 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจหลักรวม 2,238.6 ล้านบาท กำไร 301.9 ล้านบาท โดยบริษัทยังคงได้รับกำไรจากการถือหุ้นในบริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัดในสัดส่วน 26.71% จากการที่ตู้เต่าบินขยายอย่างต่อเนื่อง ข้อมูล ณ สิ้นปีอยู่ 4,942 ตู้ ประกอบกับผลการดำเนินงานในธุรกิจหลักอย่างธุรกิจเติมเงินยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าใหญ่ที่ทยอยกลับมาใช้งานจากสภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา เช่นเดียวกับธุรกิจตัวแทนธนาคารและการให้สินเชื่อที่ยังมีแนวโน้มการใช้งานที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากจำนวนรายการฝาก-โอนเงินผ่านตู้บุญเติมเฉลี่ย 1.5 ล้านรายการต่อเดือน
สำหรับแผนการดำเนินงานปี 2566 บริษัทคาดการณ์งบลงทุนไว้ประมาณ 1,500 ล้านบาทเพื่อขยายทุกช่องทางทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ทั้งกลุ่มธุรกิจเติมเงิน และรับชำระเงิน กลุ่มธุรกิจการเงินครบวงจรและตัวแทนธนาคาร (ฝาก ถอน โอนเงิน) รวมถึงกลุ่มธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (Vending Machine) ที่เป็นธุรกิจอนาคต S Curve อย่างตู้เต่าบิน Robotic Barista และล่าสุดกับ GINKA Charge Point เรือธงใหม่ของบริษัทที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากการเปิดตัวต้นแบบก่อนหน้านี้ และอยู่ระหว่างการผลิตเชิงพาณิชย์ช่วงเดือนเมษายน เพื่อติดตั้งขยายจุดบริการ 5,000 จุดในปีนี้ ตามแผนโมเดลธุรกิจร่วมธุรกิจกับเจ้าของพื้นที่เป้าหมายทั่วประเทศ เช่น คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน โรงพยาบาล ลานเช่าจอดรถ ลานจอดในตลาด ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น เชื่อว่าธุรกิจจะสร้างโอกาสและรายได้ให้บริษัทเป็นอย่างดีในระยะยาว เช่นเดียวกับตู้เต่าบิน Robotic Barista บริหารโดยบริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด ที่ในปีนี้มีแผนที่จะขยายจุดบริการปีนี้เพิ่มเติมจาก 5,000 ตู้เป็น 10,000 ตู้ คาดว่าจะผลักดันให้ยอดขายเติบโตขึ้นเท่าตัว จากกระแสตอบรับที่ดีต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วน 26.71% เต็มปี จากปีที่ผ่านมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพียง 7 เดือนเท่านั้น
ส่วนกลุ่มธุรกิจบริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร บริษัทแผนเป็นตัวแทนธนาคารเพิ่มอีก 1 ธนาคาร จากปัจจุบัน 8 ธนาคาร พร้อมขยายพอร์ตสินเชื่อเพิ่มอีกประมาณ 500-1,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีการปล่อยสินเชื่อไปประมาณ 200-300 ล้านบาท และมียอดการให้สินเชื่อคงค้าง 263 ล้านบาท ซึ่งมีตั้งแต่สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan)ไปจนถึงโปรแกรมซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (Buy Now Pay Later) เช่น ผ่อนโทรศัพท์มือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดยบริษัทยังเน้นปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือ รวมถึงบุคคลที่มีความเสี่ยงต่ำเพื่อลดหนี้เสียที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจเติมเงิน และรับชำระเงินที่เป็นธุรกิจหลัก บริษัทเชื่อว่าจะมีมูลค่าใช้บริการผ่านระบบบุญเติมเพิ่มขึ้น 5-10% จากปีก่อน ด้วยฐานลูกค้าขนาดใหญ่ใช้บริการประมาณ 15 ล้านรายใช้งานผ่านช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ผ่านทุกแพลตฟอร์มบริการของบุญเติม พร้อมกิจกรรมทางการตลาดในการสร้างการรับรู้และใช้บริการบุญเติมอย่างสม่ำเสมอ โดยในปีนี้จะเพิ่มตู้บุญเติม Mini ATM ให้ลูกค้าในชุมชนได้ทำธุรกรรมทางการเงินฝาก ถอนเงินได้สะดวกมากขึ้น รวมทั้งจะเพิ่มเติมบริการใหม่ๆ ในตู้บุญเติมที่ให้บริการกว่า 130,000 จุด นอกจากนี้ ยังมองหาช่องทางเพิ่มจุดให้บริการเคาน์เตอร์แคชเชียร์เพื่อบริการรับชำระบิล-เติมเงินเพิ่มเติม จากปัจจุบันร่วมกับพันธมิตรกลุ่มเซ็นทรัลในนาม “CenPay powered by บุญเติม” และเคาน์เตอร์ในเครือบิ๊กซี ทั้งบิ๊กซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า บิ๊กซี มาร์เก็ต และมินิบิ๊กซี รวมทั้งหมดกว่า 3,000 จุดบริการ นอกจากนี้ ยังมีบริการที่ครบครันทั้งเติมเงิน ชำระเงิน โอนเงิน ไปจนถึงบริการทางด้านสินเชื่อ ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือที่มีกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ใช้บริการอย่างสม่ำเสมอด้วย
จากแผนการดำเนินงานที่ผ่านมาทั้งหมด คาดว่าจะส่งเสริมให้บริษัทมีอัตราการเติบโตโดยรวมไม่น้อยกว่า 5-10% และอาจจะส่งผลทำให้สัดส่วนรายได้ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลง โดยกลุ่มธุรกิจเติมเงิน และรับชำระเงิน กลุ่มธุรกิจตัวแทนธนาคารและการให้สินเชื่อ และกลุ่มธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าจากปี 2565 อยู่ที่ 70 : 27 : 3 จะปรับเป็นที่ประมาณ 55 : 35 : 10 ในปี 2566 โดยกลุ่มธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าที่จะเป็นธุรกิจที่ส่งช่วยส่งเสริมรายได้ที่ดีให้บริษัทในอนาคต