xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยบาทเปิดตลาดที่ 34.66 แกว่งตัวในกรอบ sideways

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (23 ก.พ.) ที่ระดับ 34.66 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.60 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.55-34.75 บาท/ดอลลาร์ โดยรายงานการประชุมเฟดล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) ยังคงสะท้อนถึงจุดยืนและความมุ่งมั่นของเฟดในการคุมปัญหาเงินเฟ้อด้วยการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง (โดยมีคณะกรรมการเฟดบางท่านยังคงสนับสนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.50%) ซึ่งท่าทีดังกล่าวของเฟด แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ผู้เล่นในตลาดต่างทยอยรับรู้ แต่ยังคงกดดันให้ในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก ส่งผลให้ดัชนี S&P500 เคลื่อนไหวผันผวน ก่อนที่จะปิดตลาด -0.16%

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่าการอ่อนค่าลงของเงินบาทยังคงมาจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวและแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเราประเมินว่า ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าดังกล่าวจะยังคงมีอยู่ในระยะสั้นนี้ (อย่างน้อยจนกว่าตลาดจะเลิกหรือคลายกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด) ทำให้เงินบาทมีโอกาสแกว่งตัว sideways และอาจเข้าใกล้โซนแนวต้าน 34.70-34.75 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนราคาที่ผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่เป็นฝั่ง Long USDTHB (เชื่อว่าเงินบาทจะอ่อนค่าลง) รอทยอยขายทำกำไรอยู่

นอกจากนี้ เรามองว่าหากไม่มีปัจจัยเพิ่มเติม เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ sideways เนื่องจากผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคาดว่าจะเห็นการเคลื่อนไหวของตลาดค่าเงินที่ชัดเจนมากขึ้นหลังตลาดทยอยรับรู้อัตราเงินเฟ้อ PCE อย่างไรก็ดี ในระยะสั้นเรามองว่าความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มองข้ามไม่ได้และอาจสร้างความผันผวนให้ตลาดการเงินในช่วงนี้ได้

ในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ยังคงปรับตัวลดลงต่อราว -0.33% ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของบรรดาธนาคารกลางหลัก ทั้งเฟดและธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งความกังวลดังกล่าวยังคงกดดันให้หุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง (Adyen -2.7% ASML -0.7%) ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้างจากการรีบาวนด์ขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (Diageo +3.0% Hermes +1.0%) ท่ามกลางความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน

ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ ท่าทีของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งยังคงสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง จากรายงานการประชุมเฟดล่าสุดนั้นไม่ได้แตกต่างไปจากสิ่งที่ผู้เล่นในตลาดทยอยรับรู้ ส่งผลให้บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ แกว่งตัว sideways และย่อตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 3.92% อนึ่ง เรามองว่าการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ นั้นเป็นไปตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่าเฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องจนแตะระดับ 5.50% หรือสูงกว่านั้น ทำให้เราประเมินว่าในระยะถัดไปแม้บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ แต่อาจจะไม่รุนแรง ยกเว้นตลาดกังวลการ “เร่งขึ้น” ดอกเบี้ยของเฟด หรือมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามา ทำให้เราคงมุมมองเดิมว่าจังหวะบอนด์ยิลด์ปรับตัวสูงขึ้นจะเปิดโอกาสในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวได้ (Buy on Dip)

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หนุนโดยแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟดและความต้องการถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven asset) โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 104.5 จุด ส่วนในฝั่งราคาทองคำ การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์จากแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด ได้กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ยังไม่สามารถผ่านโซน 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะย่อตัวลงต่อเนื่องสู่ระดับ 1,832 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เราคาดว่าการย่อตัวลงของราคาทองคำจะยังคงหนุนให้ผู้เล่นในตลาดทยอยเข้าซื้อในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวมีส่วนที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานข้อมูลยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกและการว่างงานต่อเนื่อง (Initial & Continuing Jobless Claims) ซึ่งจะช่วยสะท้อนภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟดว่าจะขึ้นไปถึงระดับใด
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดดังกล่าว เรามองว่าในระยะสั้นควรจับตาสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่อาจกลับมาร้อนแรงได้ (รัสเซียอาจเปิดฉากบุกโจมตียูเครนครั้งใหญ่อีกรอบ)
กำลังโหลดความคิดเห็น