“สถาพร งามเรืองพงศ์” หรือเซียนฮง นักลงทุนดาวรุ่งพอร์ต หรือวงเงินลงทุนระดับหมื่นล้านบาท เข้าหุ้นตัวไหนมักกอบโกยเงินมากมาย แต่ดูเหมือนเซียนหุ้นเจ้าของฉายาพอร์ตระเบิดรายนี้กำลังพลาดท่าในการซื้อหุ้นบางตัว
เซียนฮง เริ่มต้นลงทุนตั้งแต่วัยเรียนมัธยม และด้วยเงินเพียง 1 แสนบาท สามารถทำให้พอร์ตมีขนาดใหญ่ระดับ 1 หมื่นล้านบาท กลายเป็นนักลงทุนคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น
ปัจจุบัน เซียนฮงลงทุนในหุ้นหลายตัว แต่หุ้นที่ทุ่มน้ำหนักการลงทุนมากที่สุดคือ หุ้นบริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO และยังติดแหง็กกับหุ้นตัวนี้ในราคาต้นทุนสูงอยู่
เซียนฮง ทยอยเก็บหุ้น DITTO เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ จนกระทั่งวันที่ 23 มีนาคม 2565 จึงมีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุถึงการซื้อหุ้น DITTO ของเซียนฮง จำนวน 2.58 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.5868% ของทุนจดทะเบียน ในราคาเฉลี่ยประมาณ 51 บาท
เมื่อร่วมกับหุ้นที่ซื้อเก็บสะสมก่อนหน้า ทำให้เซียนฮงมีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 5.58% จึงต้องรายงานการถือครองหุ้นเกินสัดส่วน 5%
การเปิดตัวของเซียนฮง พร้อมกับข่าวดีการได้รับงานใหม่ และผลประกอบการที่เติบโต ทำให้ราคาหุ้น DITTO พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง ค่าพี/อี เรโช ทะลุ 100 เท่า จนถูกตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายหลายครั้ง
แต่ราคาหุ้น DITTO ก็ถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 94 บาทจนได้ และเป็นราคาสูงสุดนับจากเข้าจดทะเบียนในตลาด MAI เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ก่อนจะร่วงมา
แม้หลายครั้งทำท่าจะดีดตัวกลับ แต่ก็รูดลงลึกต่อ เป็นขาลงรอบใหญ่ และลงไปต่ำสุดที่ 40.50 บาท ระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนจะปิดวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาที่ 44 บาท
นอกจากเซียนฮง จะถือหุ้นใหญ่ใน DITTO แล้ว นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล หรือเสี่ยปู่ ก็ยังถือหุ้นใหญ่ด้วย โดยแจ้งสัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มเสี่ยปูเกิน 5% ของทุนจดทะเบียนเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564
ล่าสุดปรากฏชื่อเสี่ยปู่ ถือหุ้นในสัดส่วน 3.47% ของทุนจดทะเบียน และไม่รู้ว่าการปิดสมุดทะเบียนผูถือหุ้นครั้งต่อไปยังมีชื่อเสี่ยปู่ถือหุ้น DITTO อยู่หรือไม่
ส่วนเซียนฮง ซื้อหุ้นเพิ่มอีก และทำสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 7.76% ของทุนจดทะเบียน ขณะที่นางมณีรัตน์ งามเรืองพงศ์ ถือหุ้นในสัดส่วน 2.26% ของทุนจดทะเบียน
ไม่มีใครรู้ต้นทุนหุ้นที่เซียนฮงซื้อไว้ก่อนหน้าวันที่ 23 มีนาคม 2565 หรือก่อน สัดส่วนจะข้าม 5% ของทุนจดทะเบียน แต่หลังจากถือหุ้นข้าม 5% และทยอยซื้อเพิ่มนั้น ต้นทุนราคาหุ้นที่ซื้อเพิ่มอีกเกือบ 2% ของทุนจดทะเบียนสูงกว่าราคาบนกระดานล่าสุดแน่ ซึ่งเซียนฮงต้องแบกหุ้นต้นทุนสูงของ DITTO บางส่วนไว้
และถ้าเฉลี่ยต้นทุนราคาหุ้น DITTO ที่กลุ่มเซียนฮงซื้อไว้ในสัดส่วนรวมประมาณ 10.20% ของทุนจดทะเบียน กลุ่มเซียนฮงอาจ "ติดดอย" อยู่ก็ได้
ยังไม่นับรวมการซื้อหุ้นบริษัท ทีมจี คอนซัลติ้ง เอนจิเนียงริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG โดยเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 รายงานการซื้อหุ้นเพิ่ม 0.93% ทำให้ถือหุ้นในสัดส่วน 5.88% ของทุนจดทะเบียน และต้องรายงานการถือครองหุ้นให้ ก.ล.ต.รับรู้
ไม่มีใครรับรู้ต้นทุนหุ้น TEAMG ที่เซียนฮงถือ เพียงแต่หุ้น TEAMG ช่วงที่เซียนฮงรายงานการซื้อเพิ่ม ราคาเคลื่อนไหวอยู่แถว 12 บาท แต่ในเดือนสิงหาคม 2565 เคลื่อนไหวแถว 5 บาทเศษ โดยล่าสุดหุ้น TEAMG ปิดที่ 10.20 บาท
หุ้น DITTO รอบขาขึ้นถูกลากขึ้นอย่างร้อนแรง แต่รอบขาลงถูกทุบขายจนรูดจมดินเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าเซียนฮงเจ็บตัวจาก DITTO หรือไม่ แต่นักลงทุนรายย่อยจำนวนหลายพันรายต้องเจ็บหนัก
จากราคาสูงสุดที่ 94 บาท ถูกทุบหล่นตุบมาอยู่ที่ 44 บาท แมลงเม่าที่แห่เก็งกำไรหุ้น DITTO จะรอดหรือ