โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ (Koko Global Hospitality) บริษัทรับบริหารโรงแรมครบวงจรสัญชาติญี่ปุ่น เปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบพร้อมวางโครงสร้างธุรกิจใหม่ ให้บริการบริหารจัดการโรงแรมภายใต้แบรนด์ โคโคเทล (Kokotel) วิฟเทล (VIVTEL) บาย โคโค (by Koko) และภายใต้แบรนด์เจ้าของโรงแรมเอง ด้วยโมเดล Centralized Operation พร้อมมุ่งพัฒนาแพลตฟอร์ม ‘โคโค รีวอร์ด (Koko Rewards)’ ลอยัลตี้โปรแกรม ช่วยมอบความสุขและมอบสิทธิประโยชน์กลับคืนให้ทั้งแขกผู้เข้าพักและเจ้าของโรงแรม ขับเคลื่อนการทำงานด้วยพันธกิจ ‘F+O+W -> GL บริหารจัดการงานแบบเพื่อนแบบครอบครัวด้วยความจริงใจและจริงจังอย่างมืออาชีพ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ว้าวและคุ้มค่า สู่การเติบโตอย่างมั่นคงในฐานะ ‘Professional Operating Firm’ บริษัทรับบริหารจัดการโรงแรมมืออาชีพในอุตสาหกรรมโรงแรม เตรียมพร้อมเป็นแบรนด์บริหารโรงแรมระดับสากล ใน 7 ทวีป 10 ประเทศ และมีโรงแรมในเครือรวม 1,000 แห่ง
นายเรย์ มัทสึดะ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด เผยว่า บริษัทเริ่มต้นธุรกิจขึ้นในปี 2558 จากการบริหารโรงแรมแบรนด์ ‘โคโคเทล’ และมีการต่อยอดขยายธุรกิจให้ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งในส่วนงานบริหารโรงแรมแบบครบวงจร ด้วยระบบการจัดการโรงแรมจากส่วนกลาง (Centralized and Property Operation Management) รวมถึงบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรม เช่น Sales & Marketing, Branding และอื่นๆ ก่อนมีการเติบโตและพัฒนาแบรนด์โรงแรมใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของโรงแรมในทุกเซกเมนต์
จากความสำเร็จนั้นทำให้ในปัจจุบันบริษัทได้ขยายการให้บริการและมีโรงแรมที่บริหารในมือมากกว่า 20 แห่งในประเทศไทย หรือกว่า 1,200 ห้อง จนเกิดการต่อยอดครั้งสำคัญนำมาสู่การยกระดับจากเดิมที่เป็นเพียงแบรนด์โรงแรม ไปสู่การจัดตั้งบริษัทรับบริหารโรงแรมครบวงจรอย่างเต็มตัว ในชื่อ ‘บริษัท โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด’ (Koko Global Hospitality) พร้อมวางโครงสร้างธุรกิจใหม่ ซึ่งประกอบด้วยบริการบริหารโรงแรมภายใต้แบรนด์ ดังต่อไปนี้
- โคโคเทล (Kokotel) แบรนด์โรงแรม 3 ดาว ในคอนเซ็ปต์ Bed & Café สำหรับลูกค้ากลุ่มเพื่อนและครอบครัว
- วิฟเทล (VIVTEL) แบรนด์โรงแรมพรีเมียมไลฟ์สไตล์ 4 ดาว ที่ออกแบบในไอเดีย Our Space สร้างพื้นที่ที่คำนึงถึงทุกความต้องการสำหรับคู่รัก และมีล็อบบี้ที่ดีไซน์ด้วยธีม Wine Bar
- บาย โคโค (by Koko) บริการบริหารจัดการโรงแรมแบบครบวงจร โดยบริหารภายใต้แบรนด์ของเจ้าของโรงแรมและแขกผู้เข้าพักยังสามารถเข้าร่วมลอยัลตี้โปรแกรม ‘โคโค รีวอร์ด (Koko Rewards)’ ที่กำลังพัฒนาอยู่ได้ด้วย
- และบริการบริหารโรงแรมภายใต้แบรนด์ของเจ้าของโรงแรมเอง
“แนวทางการจัดตั้งบริษัทขึ้นมา คือ การยกระดับธุรกิจไปสู่จุดที่สูงกว่าเดิมในอุตสาหกรรมโรงแรม เราสร้างพันธกิจของตัวเองขึ้นมาตามแนวคิด ‘F+O+W -> GL’ โดยเริ่มจากการบริหารโรงแรมแบบเป็นเพื่อน เป็นคนในครอบครัว บริหารจัดการงานด้วยความจริงใจและจริงจังอย่างมืออาชีพ และในฝั่งเจ้าของโรงแรมจะได้ว้าวกับผลตอบแทนที่ได้รับ ซึ่งในท้ายที่สุดบริษัทจะเติบโตอย่างมั่นคงไปสู่ระดับโลกและได้รับการยอมรับในฐานะ ‘Professional Operating Firm’ ของธุรกิจโรงแรม”
นายเรย์ กล่าวว่า เพื่อให้บริษัทมีมาตรฐานการบริหารโรงแรมและให้คำปรึกษาได้อย่างมืออาชีพ เราจึงได้ออกแบบโมเดลธุรกิจที่เรียกว่า การบริหารโรงแรมแบบจัดการจากส่วนกลาง หรือ Centralized and Property Operation Management ซึ่งจะรวมการจัดการไว้ที่สำนักงานใหญ่ (Headquarter) ไม่ว่าจะเป็นแผนกการขาย แผนกสำรองห้องพัก แผนกการตลาด แผนกจัดการรายได้ แผนกจัดซื้อ แผนกบัญชี และแผนกไอที เพื่อบริหารโรงแรมในเครือทั้งหมด ทำให้พนักงานที่อยู่ประจำที่โรงแรมจึงเป็นพนักงานที่เกี่ยวข้องกับงานส่วนปฏิบัติการเท่านั้น เช่น แม่บ้าน เชฟ ช่างซ่อมบำรุง พนักงานต้อนรับ โดยจะมี Resident Master ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างสำนักงานใหญ่ (Headquarter) จึงเรียกได้ว่าโมเดลธุรกิจ Centralized and Property Operation Management สามารถช่วยลดต้นทุนจากการว่าจ้างพนักงานและสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นให้เจ้าของโรงแรม ตอบโจทย์โรงแรมขนาดกลางที่มีจำนวนห้องพักอยู่ระหว่าง 50-200 ห้อง ซึ่งแตกต่างจากการบริหารโดยแบรนด์โรงแรมขนาดใหญ่ที่มีค่าบริการส่วนบริหารงานและมีค่าต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) จากการว่าจ้างพนักงานประจำในโรงแรมสูง
ทั้งนี้ การรวมแบรนด์โรงแรมทั้ง 3 มาไว้ในบริษัทเดียวกัน ทำให้บริษัทสามารถสร้างอีกความว้าวที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแขกผู้มาใช้บริการ ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์ม ‘โคโค รีวอร์ด’ (Koko Rewards) ลอยัลตี้โปรแกรมที่ให้ทุกแบรนด์ภายใต้การบริหารของโคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ สามารถเข้าร่วมได้ทั้งหมด โดยแขกผู้เข้าพักจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากการเข้าพักโรงแรมในเครือกว่า 2,000 ห้อง ในขณะที่เจ้าของโรงแรมจะได้รับกลุ่มลูกค้า Repetition Guest เพิ่มมากขึ้น
ซึ่งในปัจจุบันต้องยอมรับว่าแพลตฟอร์มนี้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการเพิ่มรายได้ให้เจ้าของโรงแรม อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนในการทำตลาดได้อย่างมหาศาลอีกด้วย โดยโคโค รีวอร์ด จะมีแผนจะเปิดให้บริการในอนาคตอันใกล้นี้
"เป้าหมายทางธุรกิจในปี 2566 จะบริหารโรงแรมเพิ่มอีก 8 แห่ง รวมเป็น 28 แห่งในปีนี้ และวางเป้าภายในปี 2570 จะเพิ่มพอร์ตโรงแรมไปสู่ระดับ 100 แห่ง ซึ่งขนาดของโรงแรมจะอยู่ประมาณ 70-150 ห้อง กระจายทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดและประเทศในแถบภูมิภาคเอเชีย รวมถึงในแผนระยะยาว ภายในปี 2579 เตรียมพร้อมที่จะเป็นแบรนด์บริหารโรงแรมระดับสากลใน 7 ทวีป 10 ประเทศ และมีโรงแรมในเครือรวม 1,000 แห่ง"
นายโยชิคัตสึ ทามุระ ผู้อำนวยการ บริษัท Relo Group, Inc.หนึ่งในนักลงทุนของโคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวและเป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และด้วยการยกระดับนโยบายเดินหน้าเปิดประเทศของภาครัฐได้ช่วยให้ธุรกิจท่องเที่ยวไทยเติบโตทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง สร้างผลดีต่อธุรกิจโรงแรม อีกทั้งโรงแรมขนาดกลาง จำนวนห้องพัก 50-200 ห้อง ยังเป็นตลาดที่ไม่มีกลุ่มทุนโรงแรมขนาดใหญ่เข้ามาแข่งขัน ซึ่งโมเดลธุรกิจ Centralized and Property Operation Management เป็นโมเดลที่สามารถแก้ไขอุปสรรคด้านค่าใช้จ่ายและช่วยสนับสนุนเจ้าของโรงแรมกลุ่มนี้ได้ ทำให้มีช่องว่างในการเติบโตค่อนข้างมาก Relo Group จึงตัดสินใจร่วมลงทุนในบริษัทและเชื่อมั่นว่าธุรกิจจะเติบโตเป็นบริษัทรับบริหารโรงแรมในระดับโลกต่อไป
นายเรย์ กล่าวเสริมว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือบริษัทมองว่าความสำเร็จของเจ้าของโรงแรมคือเป้าหมายที่สำคัญที่สุด บริษัทจึงได้ตั้งแนวคิดให้บุคลากรทุกคนรู้คุณค่าของตัวเอง และนำคุณค่านั้นมาปฏิบัติต่อลูกค้าในทุกๆ ด้าน เช่น การชี้ถึงจุดที่ต้องพัฒนาร่วมกัน การเชื่อในความสามารถของอีกฝ่าย ทำงานร่วมกันด้วยความจริงใจและเคารพกัน รวมถึงความตั้งใจทำทุกหน้าที่ให้สำเร็จและติดตามผลอยู่เสมอ
“ความจริงใจเหล่านี้เป็นสิ่งที่บริษัทมีให้เจ้าของทุกโรงแรมที่เข้าไปบริหารเพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จร่วมกัน ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงจากการไม่มีความรู้ในการบริหารสู่การบริหารที่ชำนาญ ให้โรงแรมโตเองได้แม้ไม่มีเวลาบริหาร และได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ด้วยการลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ”