ลอนดอนขึ้นแท่นเมืองที่พร้อมดึงดูดธุรกิจและสตาร์ทอัพคริปโตมากที่สุดในโลก โดยมีบริษัทคริปโตดำเนินการอยู่ถึงกว่า 800 แห่ง อันดับ 2 และ 3 คือดูไบและนิวยอร์ก ขณะที่กรุงเทพฯ เข้าวินอันดับ 10
เมื่อเร็วๆ นี้ รีแคปได้เปิดเผยรายชื่อฮับคริปโตประจำปี 2023 ซึ่งมาจากการจัดอันดับ 50 เมืองที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการยอมรับคริปโตมากที่สุด โดยพิจารณาจากปัจจัยหลัก 8 ด้าน ได้แก่ สถานะภาษี การใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา อัตราภาษีคริปโต การถือครองสกุลเงินดิจิตอล จำนวนตู้ ATM คริปโต ดัชนีคุณภาพชีวิต จำนวนบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านคริปโต และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
รายงานระบุว่า ลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษ ครองอันดับ 1 ด้วยจำนวนคนทำงานเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตอลมากที่สุดในโลกคือ 2,173 คน อีกทั้งมีบริษัทคริปโตดำเนินการอยู่ถึงกว่า 800 แห่ง และยังมีการจัดอีเวนต์ด้านคริปโตมากที่สุดอันดับ 2
ทั้งนี้ ลอนดอนเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายของนายกรัฐมนตรีริชี ซูนัค ในการปั้นอังกฤษเป็นฮับและผู้นำเทคโนโลยีและการลงทุนด้านคริปโต และก่อนหน้านี้คอยน์เทเลกราฟรายงานว่า อังกฤษอาจประกาศโรดแมป “ปอนด์ดิจิตอล” กลางเดือนนี้
นอกจากนั้นทางการอังกฤษยังรายงานว่า มีการใช้เงินสดลดลงถึง 35% ในปี 2020 บ่งชี้แนวโน้มธุรกรรมไร้เงินสด
อันดับ 2 เป็นของดูไบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของไบแนนซ์ และที่พำนักของฉางเผิง จ้าว ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของกระดานเทรดคริปโตชั้นนำของโลกแห่งนี้
นครใหญ่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) แห่งนี้ใช้กฎระเบียบที่สนับสนุนคริปโต อีกทั้งกระตือรือร้นในการสำรวจนวัตกรรมบล็อกเชน การเทรดคริปโต และธุรกรรมแบบ Over the Counter (OTC) จะช่วยให้อุตสาหกรรม Defi ลงหลักปักฐานในยูเออีที่มีผู้ประกอบการคริปโตหลายคนพำนักอยู่ เช่น มาร์เซลโล มารีจากซิงกูลาริตี้
นิวยอร์ก เจ้าของอันดับ 3 โดดเด่นด้านการลงทุนในการค้นคว้าวิจัยและพัฒนา รวมถึงว่าจ้างบุคลากรเกี่ยวกับคริปโตกว่า 1,400 ตำแหน่ง และมีจำนวนบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านสกุลเงินดิจิตอลมากที่สุดในโลกคือ 843 แห่ง
สิงคโปร์ตามมาในอันดับ 4 นอกจากได้ชื่อว่า ฮับด้านภาษีคริปโตเนื่องจากไม่มีการเรียกเก็บภาษีกำไรจากการเทรดคริปโตแล้ว แดนลอดช่องยังมีจำนวนผู้ถือครองคริปโตถึง 25% มีบริษัทคริปโตกว่า 800 แห่ง และพนักงานในอุตสาหกรรมนี้กว่า 1,000 คน
อันดับ 5 คือลอสแองเจลีสที่รายงานฉบับนี้ยกย่องเรื่องการพัฒนาชุมชนคริปโต ตามมาด้วยซุคแห่งสวิตเซอร์แลนด์ เจ้าของสมญานาม “คริปโตแวลลีย์” และเป็นที่ตั้งบริษัทการลงทุนในหุ้นนอกตลาด (private equity) เช่น ไดอะเล็กติก ไปจนถึงมูลนิธิบิตคอยน์และอีเธอเรียม รวมทั้งสตาร์ทอัพจำนวนมาก แกลเลอรี่ NFT และมีกฎหมายภาษีที่สนับสนุนคริปโต
นอกจากไม่เก็บภาษีกำไรจากการเทรดคริปโตแล้ว ซุกยังเสนอตัวเลือกให้ประชาชนจ่ายภาษีด้วยคริปโต อีกทั้งยังทำคะแนนดัชนีคุณภาพชีวิตสูงสุดด้วยคะแนน 212.78
ฮ่องกงที่เคยเป็นประเทศที่มีความพร้อมด้านคริปโตมากที่สุดเมื่อปีที่แล้ว ในงานวิจัยนี้กลับทำได้แค่อันดับ 7 ส่วนอันดับ 8-10 ได้แก่ปารีส แวนคูเวอร์ และกรุงเทพมหานคร เนื่องจากมีอัตราภาษีกำไรจากการเทรดคริปโตต่ำ มีตู้ ATM คริปโตและพนักงานในอุตสาหกรรมนี้จำนวนมาก
สำหรับอันดับ 11-20 ได้แก่ ชิคาโก เบอร์ลิน ซัปโปโร ลากอส ลิสบอน คูเวต เตหะราน ซิดนีย์ โอซาก้า และกัวลาลัมเปอร์ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี ทั้งไมอามี่ที่เป็นสถานที่จัดการประชุมและอีเวนต์ด้านคริปโตใหญ่ที่สุดในโลกหลายต่อหลายงาน และเปียงยางที่สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่า เป็นที่ตั้งหนึ่งในทีมแฮกเกอร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ไม่ติดในตารางการจัดอันดับของรีแคป
แดเนียล โฮวิตต์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) รีแคป กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า การเติบโตของสินทรัพย์ดิจิตอลในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาน่าจับตาอย่างยิ่ง และนับวันยิ่งมีความเกี่ยวพันมากขึ้นกับตลาดการเงินดั้งเดิม นอกจากนี้เมืองต่างๆ ทั่วโลกยังเปิดใจยอมรับเทคโนโลยีใหม่นี้มากขึ้น