วีรีเทล บริษัทในกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคฯ ลงทุนโครงการมิกซ์ยูส มูลค่า 7,000 ล้านบาท พื้นที่ 13 ไร่ ริมถนนรัชดาภิเษก ติด MRT ศูนย์วัฒนธรรม ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน พร้อมพื้นที่รีเทลในอาคารและกลางแจ้ง จับมือ “จ๊อดแฟร์” ไนท์มาร์เกตชื่อดังเป็นผู้บริหารพื้นที่รีเทลทั้งหมด เตรียมเปิดไลฟ์สไตล์มอลล์ แหล่งรวมอาหารสตรีทฟูด ส่งเสริมซอฟต์เพาเวอร์ของไทย และไนท์มาร์เกตสุดฮิปแห่งใหม่ในแบบฉบับจ๊อดแฟร์ โครงการกำหนดแล้วเสร็จปี 2567
นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค มองถึงการลงทุนในธุรกิจที่เพิ่มศักยภาพให้แก่บริษัท โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์บนทำเลศักยภาพสูง ซึ่งบริษัทมีที่ดินรองรับ โดยล่าสุด บริษัทได้ตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการแบบมิกซ์ยูส บนพื้นที่ 13 ไร่ของบริษัท ริมถนนรัชดาภิเษก (มีสัญญาเช่าที่ดิน ประมาณ 20 ปี) ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน พร้อมพื้นที่รีเทลภายในอาคารและด้านหน้าอาคาร ซึ่งได้ “จ๊อดแฟร์” เข้ามาร่วมมือในการบริหารพื้นที่รีเทลทั้งหมด การมีพาร์ตเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์บริหารไนท์มาร์เกตให้ประสบความสำเร็จได้อย่างสูงมาร่วมบริหารโครงการ ทำให้มั่นใจว่าโครงการจะได้รับความนิยมทั้งกลุ่มคนไทย ตลอดจนตลาดนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาคึกคัก รวมทั้งยังมีส่วนสนับสนุนผู้ประกอบการร้านค้าขนาดย่อมให้มีโอกาสทางธุรกิจและช่องทางบนทำเลที่ดีเยี่ยม โครงการดำเนินการโดย บริษัท วีรีเทล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มที่ดำเนินธุรกิจพื้นที่เชิงพาณิชย์
"เราภูมิใจที่สามารถกลับมาทำโครงการรีเทล ซึ่งที่ดินได้เช่ามาจากเจ้าของโรงเรียน สัญญา เช่า 20 ปี อยู่ระหว่างเจรจาต่อสัญญาเพิ่มอีก 10 ปี ที่ผ่านมาเราจ่ายค่าเช่าตลอด ซึ่งเดิมมีแผนทำอาคารสำนักงาน แต่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยจึงชะลอไปก่อน และได้มีการเจรจาจะขายสัญญาเช่าให้บริษัทขนาดใหญ่ แต่เรามาคิดว่าการร่วมมือกับจ๊อดแฟร์ จะทำให้ที่ดินเนื้อที่ 13 ไร่ ยิ่งมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น" นายศานิต กล่าว
ทั้งนี้ เรามั่นใจภายในปี 2567 จะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาสู่บริษัท และจะมีรายได้จากค่าเช่าต่อเนื่องไปอีก 10 ปี โดยอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROA) ในโครงการมากกว่า 10% ซึ่งจากแนวโน้มความสำเร็จของโครงการที่คาดว่าจะมีการตอบรับจากร้านค้้าอย่างล้นหลาม ทำให้ในช่วง 2 ปีข้างหน้าอาจจะลงทุนและพัฒนาโครงการอสังหาฯ เชิงพาณิชย์ปีละ 1 โครงการ ซึ่งจะต้องดูสภาวะตลาดประกอบการตัดสินใจด้วย แต่มั่นใจภายในปี 2570 พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จะมีรายได้จากธุรกิจอสังหาฯ เชิงพาณิชย์ขึ้นสู่ระดับ 30%
สำหรับรายละเอียดโครงการ นายพรสวัสดิ์ เกษจุฬาศรีโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรีเทล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการตั้งอยู่ริมถนนรัชดาภิเษก ย่านศูนย์กลางธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุดของกรุงเทพฯ และมีระบบขนส่งมวลชนอำนวยความสะดวกในการเดินทาง โดยอยู่ติดสถานี MRT ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ที่จะเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีส้ม โครงการมีมูลค่า 7,000 ล้านบาท เป็นส่วนงบลงทุนก่อสร้างประมาณ 2,300 ล้านบาท
"เรามั่นใจโครงการนี้จะกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ และของนักท่องเที่ยว ซึ่งทางผู้บริหารตลาดจ๊อดแฟร์ มั่นใจโครงการนี้ประสบความสำเร็จ เพราะมีร้านค้าในมือ 3,000-4,000 ร้านค้า" นายพรสวัสดิ์ กล่าว
สำหรับรูปแบบโครงการ ประกอบด้วย 2 โซน ได้แก่ อาคารสูง 12 ชั้น และพื้นที่ร้านค้าด้านหน้าอาคาร ตัวอาคารมีพื้นที่รวมกว่า 93,000 ตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่สำนักงาน 5 ชั้น 20,000 ตร.ม. พื้นที่ร้านค้า 3 ชั้น 25,000 ตร.ม. พื้นที่จอดรถ 4 ชั้น 33,000 ตร.ม. จอดรถได้ 750 คัน พื้นที่บริการและสัญจร สวน ล็อบบี้อีก 15,000 ตร.ม.
ส่วนพื้นที่สำนักงาน จะเป็นสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค และบริษัทในกลุ่ม เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ โดยรวมพนักงานที่อยู่ตามอาคารสำนักงานต่างๆ เข้ามาอยู่ศูนย์กลางที่เดียวประมาณ 1,000 คน พร้อมสำนักงานขายใจกลางเมือง มีแผนพัฒนาให้เป็นสำนักงานทันสมัย ภายใต้แนวคิด Smart Green Office ทั้งการอนุรักษ์พลังงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายในมีทั้งพื้นที่สำนักงานเต็มรูปแบบ และพื้นที่แบบ Co-Working Space พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและสันทนาการที่ตอบสนองการใช้ชีวิตของคนทำงานได้ครบ
สำหรับพื้นที่รีเทล ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของโครง การบริหารพื้นที่โดย “จ๊อดแฟร์” ภายในอาคารจะเป็นร้านอาหารร้านค้าไลฟ์สไตล์ ส่วนด้านหน้าอาคารจะเป็นไนท์มาร์เกตแห่งใหม่ โดยโครงการกำหนดเปิดให้บริการในปี 2567
ด้านผู้ก่อตั้งและผู้บริหารตลาดรถไฟและตลาดจ๊อดแฟร์ นายไพโรจน์ ร้อยแก้ว เปิดเผยว่า “จ๊อดแฟร์” จะเป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่รีเทลทั้งหมด ประกอบด้วย พื้นที่ร้านค้าภายในอาคารขนาด 25,000 ตร.ม. จำนวน 3 ชั้น มีร้านค้ารวม 928 ร้าน แนวคิดหลัก คือการใช้สถาปัตยกรรมเป็นเครื่องบ่งชี้ความแตกต่าง สร้างภาพจำให้ลูกค้าและผู้ที่มาใช้บริการให้เห็นและจดจำได้แม้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียว เป็นการนำเอาสถาปัตยกรรมเก่าๆ กึ่งโรงงานเข้ามาใช้ และนำแฟชั่นสมัยใหม่เข้ามาผสมผสานกัน ร้านค้าภายในตัวอาคารจะถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับร้านค้าในหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นแนววินเทจ แฟชั่น สตรีท แฟชั่น อาหาร เฟอร์นิเจอร์ ดนตรี งานศิลปะ งานคราฟต์ เป็นต้น
สำหรับพื้นที่กลางแจ้งด้านหน้าอาคาร ประมาณ 5.6 ไร่ จะเป็นไนท์มาร์เกตแห่งใหม่ ที่มีทั้งพื้นที่เป็นล็อก ร้านค้า และร้านในรูปแบบคีออสก์ รวม 798 ร้าน จะใช้รูปแบบของ “จ๊อดแฟร์” เดิมเป็นหลัก และจะเพิ่มเติมในส่วนอื่นๆ อีกหลากหลาย โดยยังคงคอนเซ็ปต์ไนท์มาร์เกตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในแบบของ “จ๊อดแฟร์” เพื่อให้โดนใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งจะมีทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่
"ศักยภาพของทำเลเป็นพื้นที่ที่ขายได้ในตัวมันเอง คิดว่าไม่กี่วันพื้นที่ขายหมด ที่ดินแปลงนี้คนสัญจรเยอะมาก ซึ่งแนวทางทำธุรกิจของผม ตัวเลขสถิติไม่เป็นปัจจัยหลัก ผมใช้สัญชาตญาณมาพัฒนา พาพ่อค้าไปหาเงินได้เพราะผมได้กลิ่นของเงิน และการที่ต่างชาติมาเที่ยว เพราะเราเป็นคนไทย" นายไพโรจน์ กล่าว