วันนี้ (19 ม.ค.) บริษัท เอสซีบีเอกซ์ (SCB) ได้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 เพื่อขออนุมัติการออกตราสารหนี้วงเงินไม่เกิน 100,000 ล้านบาท หรือเทียบเท่าในเงินสกุลอื่น เนื่องจากตามแผนธุรกิจปี 2565-2567 กลุ่มธุรกิจ SCB มีแผนการลงทุนในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล (Consumer Finance) ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) และธุรกิจแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะยกระดับขีดความสามารถของบริษัทในการเป็นบริษัในเทคโนโลยี (TechnologyCompany) ทำให้บริษัทมีความจําเป็นต้องระดมเงินทุนส่วนหนึ่งจากการออกตราสารหนี้
ส่วนประเภทตราสารที่จะนำมาเสนอขายนั้น จะเป็นตราสารหนี้ทุกประเภท ทั้งสกุลเงินบาท หรือสกุลเงินต่างประเทศ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงหุ้นกู้ระยะสั้น หุ้นกู้ระยะยาว หุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อเลิกกิจการ (perpetual debentures) หุ้นกู้ด้อยสิทธิ หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ หรือไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้มีประกัน หรือไม่มีประกัน และตราสารหนี้อื่นๆ
โดยมีแผนเสนอขายในประเทศและต่างประเทศ ทั้งผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง หรือผู้ลงทุนประเภท และประชาชนทั่วไป หรือผู้ถือตราสารหนี้เดิม โดยอาจจะออกและเสนอขายตราสารหนี้ในคราวเดียวหรือหลายคราวได้ตามที่เห็นสมควร โดยมีกำหนดเวลาการออกและเสนอขายภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ได้รับมติอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ ในการประชุมผู้ถือหุ้นได้มีการตอบคำถามของผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับการลงทุน และการจัดตั้ง Virtual Bank โดยนายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีบีเอกซ์ (SCBX) ได้ตอบคำถามว่า การจัดตั้ง Virtual Bank หรือธนาคารไร้สาขานั้น แม้ว่าขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนออกมาระดับหนึ่งแล้ว แต่โดยไทม์ไลน์แล้วยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี ขณะที่แผนการลงทุนของ SCBX อยู่ระหว่างปี 65-67 แต่หากการจัดตั้ง Virtual Bank เร่งระยะเวลาขึ้นมา การจัดหาเงินทุนในครั้งนี้จะมีส่วนที่จะใช้สำหรับ Virtual Bank ด้วย
สำหรับการซื้อหุ้น บลจ.ไทยพาณิชย์จากธนาคารไทยพาณิชย์นั้น ปัจจุบัน SCBX ถือหุ้น บลจ.ไทยพาณิชย์ในทางอ้อมอยู่แล้ว โดยผ่านการถือหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งการจัดสรรการถือหุ้นของธุรกิจในเครือจะขึ้นอยู่กับความสอดคล้องและสนับสนุนกันและกัน โดยการถือหุ้นในปัจจุบันยังคงมีความเหมาะสมอยู่
นายอาทิตย์ กล่าวอีกว่า วัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้โดยหลักๆ แล้วก้อนใหญ่จะนำไปสนับสนุนด้านเงินทุนให้บริษัทในเครือที่เพิ่งจัดตั้งและกำลังเติบโต จึงต้องการเงินทุนเพื่อขยายสินเชื่อ และส่วนก้อนเล็กจะเป็นการถือไว้เพื่อรอโอกาสลงทุนในธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจ โดยบริษัทจะเริ่มดำเนินการทันทีหลังได้รับอนุมัติโดยในเฟสแรกจะให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศก่อน ส่วนระยะเวลาที่ชัดเจนขึ้นอยู่ขั้นตอนของผู้กำกับดูแลด้วย โดยแผนการใช้เงินลงทุนของบริษัทในช่วงแผน 3 ปี (ระหว่างปี 65-66) เฉลี่ยประมาณปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท
"ในทุกๆ การลงุทนของเราบอร์ดมีความรอบคอบและระมัดระวังเสมอมา อย่างในกรณีของบิทคับ เรายังไม่ได้เข้าไปลงทุน และเมื่อเห็นถึงความไม่แน่นอนได้ยกเลิกไปแล้ว นั่นแสดงให้เห็นถึงการพิจารณาอย่างรอบคอบในการลงทุนของเรา" นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการ SCBX กล่าว
ทั้งนี้ ในการประชุมวิสามัญครั้งนี้ ผู้ถือหุ้นได้ออกเสียงอนุมัติการออกหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 100,000 ล้านบาท ระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี ในสัดส่วน 99.9595% ของหุ้นสามัญจำหน่ายแล้ว