ภาพรวมตลาดคอนโดเทลในประเทศไทย ในช่วงก่อนเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะในจังหวัดเมืองท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ และบางส่วนในหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีการประเมินมูลค่าตลาดของคอนโดเทลเกือบ 1 แสนล้านบาท โดยแต่ละผู้ประกอบการทั้งที่เป็นของคนไทยและบริษัทต่างชาติมีการนำเสนอเงื่อนไขที่จูงใจ เช่น การันตีผลตอบแทนในระยะยาว เช่น 5 ปี จนไปถึง 10 ปี เป็นต้น
โดยรูปแบบของ คอนโดเทล (Condotel) มาจากคำว่า Condominium และ Hotel เป็นอีกหนึ่งรูปแบบหนึ่งของคอนโดฯ เป็นคอนโดมิเนียมที่มีการขอใบอนุญาตการประกอบธุรกิจโรงแรม สามารถปล่อยเช่าทั้งในระยะยาวและระยะสั้น (รายวัน/รายสัปดาห์)
อย่างไรก็ดี ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (2563-2564) การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก ทุกประเทศต่างมีมาตรการสกัดป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด โดยมีการปิดประเทศ ปิดการเดินทางระหว่างประเทศ ปิดการเดินทางข้ามจังหวัด ส่งผลให้ตลาดคอนโดเทลถูกกระทบอย่างหนักมาก แต่ภายใต้เงื่อนไขผู้ประกอบการที่มีการทำสัญญาในเรื่องการจ่ายผลตอบแทนก็ถูกกระทบ ขาดสภาพคล่อง ไม่สามารถจ่ายค่าผลตอบแทนกับเจ้าของคอนโดฯ ได้ มีการฟ้องร้องกัน
แต่เมื่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาดีขึ้น หลังจากที่โควิดเริ่มคลี่คลายตั้งแต่ปี 2565 ตลาดในส่วนของคอนโดเทลเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ซึ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เริ่มกลับมาฟื้นตัว หลังจากที่รัฐบาลได้มีการมาตรการผ่อนคลายมาตรการเกี่ยวกับโควิดมาตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2565 เป็นต้นมา
โครงการคาราเพซ หัวหิน-เขาเต่า เป็นอีกหนึ่งโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาโครงการในรูปแบบคอนโดมิเนียมมาก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 แต่หลังจากที่เร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการ ส่งผลให้โครงการแล้วเสร็จตามกำหนด โดยทางโครงการได้มีการนำเสนอโมเดล "การลงทุน" ที่สร้างผลตอบแทนระยะยาว (Passive Income) ทำสัญญารับผลตอบแทนนาน 15 ปี การันตีผลกำไร 5% นาน 5 ปี
ล่าสุด นายสุวิชัย เจนธนอรรถกิจ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน เพลส เอสเตท จำกัด เจ้าของโครงการคาราเพซ หัวหิน-เขาเต่า กล่าวว่า เราเริ่มจ่ายผลตอบแทนรอบแรก 5% ให้ผู้ลงทุนไปเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา รอบละไตรมาส ซึ่งครั้งนี้ลูกค้าแฮปปี้ ได้รับผลตอบแทน ซึ่งที่เราเริ่มสามารถจ่ายได้ เพราะเราสร้างโครงการแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในส่วนของโรงแรม หลังโควิดคลี่คลายพอดี ก็เริ่มเข้าสู่โปรแกรม เราจึงปลอดภัย ถือเป็นความโชคดี ตอนนี้เศรษฐกิจประเทศไทยเริ่มดีขึ้น มีนักท่องเที่ยวกลับมาเยอะ น่าจะเป็นผลดีต่อการให้บริการและรายได้ที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ด้าน น.ส.ต้องตา สิงห์โต ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด เบสท์ เวสเทิร์น พลัส คาราเพซ โฮเทล หัวหิน กล่าวว่า การบริการของโรงแรมภายใต้การบริหารของเบสท์ เวสเทิร์น โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เชนระดับ 4 ดาว ที่เข้าบริหารเบสท์ เวสเทิร์น พลัส คาราเพซ โฮเทล หัวหิน โดยถือเป็นโรงแรมแห่งแรก ภายใต้เครือเบสท์ เวสเทิร์น ใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยคาดว่าเมื่อแล้วเสร็จจะมีห้องพักไว้รองรับลูกค้าได้ถึง 380 ห้อง ใน 3 อาคาร คือ อาคารที่ 7, 8 และ 9 ซึ่งในช่วงแรกเปิดให้บริการในอาคารที่ 8 (จำนวน 100 ห้อง) ถัดไปจะเปิดอาคารที่ 9 และสุดท้ายจะเป็นอาคารที่ 7 มั่นใจในเดือนมีนาคมนี้เปิดบริการได้ครบ โดยภายในโรงแรมมี 8 แบบห้องพักให้ลูกค้าเลือก ขนาดห้องพักเริ่มตั้งแต่ 30 ตารางเมตร (ตร.ม.) ไปจนถึง 99 ตร.ม. ราคา Room Rate ขึ้นอยู่กับความต้องการ (ดีมานด์) ของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา พร้อมได้เตรียมห้องจัดประชุมรองรับการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่ลูกค้าต้องการ ทั้งนี้ คาดว่าภายในเดือนมีนาคม 2566 (ยังไม่ได้ระบุวัน) จะมีการจัดกิจกรรมเปิดตัวโรงแรม เบสท์ เวสเทิร์น พลัส คาราเพซ โฮเทล หัวหิน อย่างเป็นทางการ
“ลูกค้าเราจะเป็นกลุ่มคนไทยที่เดินทางมาพักผ่อน แต่เราคาดหวังจะมีลูกค้าในกลุ่มจัดประชุม ลูกค้าต่างชาติที่จะมาพักผ่อนระยะยาว รวมถึงลูกค้ากลุ่มยุโรปอยากให้กลับมาเร็วๆ ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว และลูกค้าจากจีน ไต้หวัน” น.ส.ต้องตา กล่าว