หุ้นไทยเทรดวันสุดท้ายส่งท้ายปี 65 ปิดตลาด +7.46 จุด โบรกฯ ชี้ ดัชนีปรับตัวขึ้นมาได้ดีตลอดทั้งวัน แม้มีแรงขายหุ้นใหญ่ออกไปช่วงท้ายตลาด แต่ยังมีหุ้น DELTA ช่วยประคองตลาด ซึ่งปรับตัวขึ้นกว่า 16% หนุนดัชนี +12 จุด รับ SET50 Rebalancing มองกรอบ SET INDEX ไตรมาส ๅ ปีหน้าคาดเคลื่อนไหวในทิศทางบวกเหตุรับอานิสงส์ภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ซึ่งจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจค่อยๆทยอยฟื้นตัวและกลับมาเติบโตอีกครั้ง นอกจากนี้ประเด็นการเลือกตั้งครั้งใหญ่ของไทยก็เป็นประเด็นที่ยังต้องติดตาม ส่วนแนวโน้มช่วงครึ่งหลังปี 66 อาจต้องระวังแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกถดถอย โดยเฉพาะสหรัฐ แนะระวังแรงเทขายต้นสัปดาห์หน้า มองกรอบการลงทุนสัปดาห์แรกของปี 66 ในแนวต้านที่ 1,680 จุดและถัดไปที่ 1,700 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,650 จุดและ 1,640 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อวันที่ 30 ธ.ค. 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +7.46 จุด หรือ +0.45% โดยปิดตลาดที่ 1,668.66 จุด มูลค่าการซื้อขาย 77,659.93 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีปิดสิ้นปี 64 อยู่ที่ 1,657.62 จุด ระหว่างปี 65 ขึ้นไปสูงสุดที่ 1,713.20 จุด
ส่วนภาพรวมการซื้อขายหุ้นไทยในวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวไซด์เวย์ในแดนบวกและปรับตัวค่อนข้างแรงในช่วงท้ายตลาดจากแรงขายหุ้นแต่ยังสามารถปิดในแดนบวกได้ โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,678.17 จุด ขณะที่ในทางกลับกันช่วงขาลงปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,661.48 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 572 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 523 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 876 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +4,025.37 ล้านบาท และ บัญชี บล.ซื้อสุทธิกว่า +852.61 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -3,074.73 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -1,803.25 ล้านบาท
ขณะที่หากพิจารณาในด้านปริมาณการซื้อขายซึ่งจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนตลอด 1 ปีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2565 พบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า 202,694.36 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิกว่า -153,882.35 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -45,392.08 ล้านบาท บัญชี บล.ขายสุทธิกว่า -3,419.94 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 19,052.02 ล้านบาท ปิดที่ 830.00 บาท เพิ่มขึ้น 108.00 บาท
2.PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,138.90 ล้านบาท ปิดที่ 33.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
3.AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,921.81 ล้านบาท ปิดที่ 75.00 บาท ลดลง 1.25 บาท
4.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,970.26 ล้านบาท ปิดที่ 29.00 บาท ลดลง 0.75 บาท
5.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,757.42 ล้านบาท ปิดที่ 147.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.COM7 ปิดที่ 34.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาทหรือ 2.26%
2.JMT ปิดที่ 69.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาทหรือ 1.10%
3.SYNEX ปิดที่ 16.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาทหรือ 3.14%
4.BCP ปิดที่ 31.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาทหรือ 1.61%
5.PTT ปิดที่ 33.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาทหรือ 1.53 %
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่ 212.00 บาท ลดลง 4.00 บาท หรือ 1.85%
2.SCC ปิดที่ 342.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 0.58%
3.CPN ปิดที่ 71.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 2.07%
4.AOTปิดที่ 75.00 บาท ลดลง 1.25บาท หรือ 1.64%
5.BGRIM ปิดที่ 39.75 บาท ลดลง 1.00บาท หรือ 2.45%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,257.94 จุด ลดลง -10.22 จุด หรือ -0.45% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,005.24 จุด ลดลง -4.95 จุด หรือ -0.49% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 584.16 จุด ลดลง -0.92 จุด หรือ -0.16%
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปิดวันสุดท้ายของปี 65 ปรับตัวขึ้นมาได้ดีแม้ช่วงท้ายตลาดจะมีแรงขายหุ้นใหญ่ ยกเว้น หุ้น DELTA พุ่งขึ้น 16% ช่วยหนุนดัชนีบวก 12 จุดตอบรับ SET50 Rebalancing ที่จะใช้ราคาปิดวันนี้ มีผลวันที่ 3 ม.ค.66 รวมถึง COM7 และ RATCH ที่มีแรงซื้อเข้ามาแต่ยังไม่เท่า DELTA ขณะที่ช่วงท้ายตลาดมีแรงขายหุ้น SET50 เพื่อทำกำไรออกมาทำให้ดัชนีลดช่วงบวกลง
นอกจากนี้ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปรับตัวได้ดีกว่าที่ประเมินโดยปิดท้ายปีที่ 1,650 จุด หลังจากทะลุแนวต้านสำคัญ 1,650 จุดขึ้นมาได้ ทำให้มีโมเมมตัมขึ้นต่อ เม็ดเงินจากกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และ กองทุนเพื่อการออม (SSF) เข้าซื้อช่วยหนุน แต่ก็มีสัญญาณแปราะบาง หลังจากขึ้นมาต่อเนื่อง 8 วันทำการกว่า 70 จุด ทางเทคนิคเข้าแดน over bought ต้องระวังแรงขายในช่วงต้นปี และแรงขายจากกองทุน LTF จึงต้องระวังความผันผวน
"มองว่าทิศทางหุ้น SET ใน 3-4 เดือนแรกของปี 2566 น่าจะยังมีโมเมมตัมเชิงบวกจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวผลักดันเศรษฐกิจเติบโต และจะมีการเลือกตั้งใหญ่ แต่ช่วงครึ่งหลังปี 66 ต้องระวังแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกถดถอย โดยเฉพาะสหรัฐ ซึ่งประเมินกรอบดัชนี SET INDEX ปี 2566 ไว้ที่ 1,590 จุด เพราะห่วงครึ่งปีหลังภาพรวมตลาดน่ารับแรงกดดันค่อนข้างมาก รวมถึงการเก็บภาษีขายหุ้น เป็นตัวกดดันเข้าฉุดดัชนีให้ลดลงด้วย" นายอภิชาติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม อาจเห็น January effect แต่คาดว่าตลาดคงยังไปไหนไม่ไกลกว่านี้ เพราะเดือนธ.ค.65 ปรับขึ้นมามากแล้ว ส่วนแนวโน้มการลงทุนสัปดาห์แรกของปี 66 ให้กรอบแนวต้าน 1,680 ถัดไปที่ 1,700 จุด แนวรับ 1,650 และ 1,640 จุด