เมื่ออัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่ค่อยๆ สั่งสมพุ่งสูงมากขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะถอนตัวออกจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทุกรูปแบบ รวมถึงหุ้นและสกุลเงินดิจิทัลด้วย โดยมูลค่าของ cryptocurrencies ลดลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะ Bitcoin ซึ่งเป็นเหรียญพี่ใหญ่ที่สุดตามมูลค่าตลาด สร้างสถิติจุดตำสุดใหม่นับตั้งแต่ปี 2020
หลายคนมองว่า crypto เป็นวิธีการแลกเปลี่ยนแบบใหม่ ที่มีศักยภาพสูงซึ่งจะช่วยปลดปล่อยผู้ใช้จากตัวกลางทางการเงิน และป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ในทางกลับกันในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เหรียญคริปโตได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่าสกุลเงินดิจิทัลที่เป็นเงินเสมือนนั้นไม่ได้บรรลุวัตถุประสงค์เหล่านั้นเมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดัน
มูลค่าตามราคาตลาดของสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลกแตะระดับสูงสุดที่ 2.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤศจิกายน 2564 แต่ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา มูลค่าตามราคาตลาดลดลงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ พร้อมๆกับที่อัตราเงินเฟ้อซึ่งพุ่งสูงขึ้น และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อเร็วๆ นี้ทำให้ส่วนของการวิเคราะห์การลงทุน ต้องปิดสวิตช์ความเสี่ยงในตลาดตราสารทุน
สภาวะตลาดที่ปั่นป่วนอาจดำเนินต่อไปด้วยการล่มสลายของ Stablecoin
Stablecoins คือรูปแบบของ cryptocurrencies ประเภทหนึ่งซึ่งมูลค่าของเหรียญเหล่านั้นถูกตรึงไว้กับสินทรัพย์อื่นที่ได้รับการรับรองจากรัฐเช่นสกุลเงินเฟียต เช่น ดอลลาร์สหรัฐ โดยเหรียญประเภทนี้ผู้ติดขนานไปกับสินทรัพย์อ้างอิงโดยมีเป้าหมายเพื่อรักษามูลค่าให้คงที่สำหรับการลงทุนซึ่งถูกตรึงไว้ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือร้ายก็ตาม แต่ทั้งนี้ตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของระบบคือการล่มสลายของ Stablecoins TerraUSD หรือ UST และ Luna ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งอุตสาหกรรมตลาดคริปโต
ตลาด cryptocurrency มีประวัติด้านราคาที่ผันผวนอย่างมากเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งมีหลายปัจจัยที่สามารถมีอิทธิพลต่อราคาของสกุลเงินดิจิทัล รวมถึงความต้องการของตลาด ความเชื่อมั่นของนักลงทุน การพัฒนาด้านกฎระเบียบ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาด cryptocurrency มีการเติบโตอย่างมาก โดยมูลค่าตลาดรวมแตะระดับสูงสุดตลอดกาลในช่วงปลายปี 2560 และอีกครั้งในปลายปี 2564 การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงการยอมรับและความสนใจที่เพิ่มขึ้นในกระแสหลัก การเกิดขึ้นของการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) และโทเค็นที่ไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ (NFTs) และศักยภาพของสกุลเงินดิจิตอลเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันอัตราเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตามตลาด cryptocurrency เป็นอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงและผันผวนสูง และมีความอ่อนไหวเมื่อตลาดเกิดความแผรผัน โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายฐานเงินทุนในอุตสาหกรรม ทำให้เกิดแรงกดดันต่อราคาที่รุนแรง นอกจากนี้อาจเกิดจากหลายปัจจัย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของความต้องการของตลาด ความเชื่อมั่นของนักลงทุน และการพัฒนาด้านกฎระเบียบ เป็นผลให้ราคาของสกุลเงินดิจิทัลสามารถผันผวนได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเวลาผ่านไป และไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตลาดจะประสบกับช่วงเวลาที่ตกต่ำเช่นเดียวกับการเติบโต
