xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กชอร์ต” นักลงทุนระดับตำนาน เตือนคริปโตส่งกลิ่นคล้ายซับไพรม์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ไมเคิล เบอร์รี หรือ “บิ๊กชอร์ต” นักลงทุนจอมสวนกระแส
ไมเคิล เบอร์รี หรือ “บิ๊กชอร์ต” นักลงทุนจอมสวนกระแส ชี้คริปโตมีปัญหาเหมือนวิกฤตซับไพรม์ หลังบริการทางการเงินที่อ่อนด้อยประสบการณ์นี้พยายามโชว์ภาพความโปร่งใสนับจากการล่มสลายชั่วข้ามคืนของกระดานเทรดคริปโต FTX แต่กลับทำให้ดูน่าสงสัยมากขึ้น

การล้มละลายชนิดที่ไม่มีใครคาดคิดของ FTX เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน หรือหลังจากลูกค้าแห่ถอนเงิน ทำให้บรรดาคู่แข่งของกระดานเทรดคริปโตแห่งนี้พยายามชูภาพความโปร่งใส ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยรายงาน Proof-of-Reserves

เป้าหมายของรายงานนี้คือเพื่อพิสูจน์ว่า เงินของลูกค้าและนักลงทุนที่ฝากไว้ในรูปคริปโตมีเงินดอลลาร์มูลค่าเท่ากันสำรองอยู่เผื่อไว้ในกรณีที่ลูกค้าต้องการเงินคืน และยังมีเป้าหมายเพื่อแสดงให้เห็นว่า บริษัทไม่ได้เอาสินทรัพย์ของลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์แบบที่ FTX ถูกกล่าวหา

การตรวจสอบมีปัญหา

เมื่อเร็วๆ นี้ ไบแนนซ์ กระดานเทรดคริปโตใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ปริมาณ และ Crypto.com ได้เผยแพร่รายงาน Proof-of-Reserves ที่ตรวจสอบโดยมาซาร์ส กรุ๊ป บริษัทบัญชีชื่อดังที่เคยทำงานให้อาณาจักรธุรกิจของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ทว่า รายงานของไบแนนซ์กลับถูกโลกโซเชียลล้อเลียนเพราะโชว์แค่ข้อมูลบางอย่าง เช่น ข้อมูลที่บริษัทเลือกสรรมาอย่างดีแทนที่จะโชว์ความโปร่งใสแบบที่สาธารณชนคาดหวังหลังจากรายงานนี้ผ่านการตรวจสอบไม่กี่วัน มาซาร์สออกมาประกาศยุติความสัมพันธ์กับบริษัทคริปโตทุกแห่งเมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่า กังวลเกี่ยวกับความเข้าใจของประชาชนที่มีต่อรายงาน Proof-of-Reserves ของบรรดาบริษัทคริปโต

มาซาร์สสำทับว่า รายงาน Proof-of-Reserves ของบริษัทดำเนินการตามมาตรฐานการรายงานที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนดำเนินการรายงานที่ตกลงไว้

ทว่า รายงานของบริษัทคริปโตกลับไม่มีการรับประกันหรือความคิดเห็นในการตรวจสอบในสาระสำคัญในช่วงเวลานั้นๆ
คริปโต vs. CDS

และนั่นคือปัญหาในสายตานักลงทุนระดับตำนานอย่างไมเคิล เบอร์รี หรือ “บิ๊กชอร์ต” เบอร์รีเตือนว่า ไม่ว่าใครไม่ควรเชื่อการตรวจสอบที่ไบแนนซ์, FTX และบริษัทคริปโตอื่นๆ เผยแพร่ เขาอธิบายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับคริปโตตอนนี้ทำให้เขานึกถึงสัญญาสวอปการผิดนัดชำระหนี้ (Credit Default Swap – CDS) ที่ผู้ตรวจสอบ CDS ไม่เข้าใจผลิตภัณฑ์นี้อย่างถ่องแท้จึงไม่สามารถประเมินความเสี่ยงจริงได้

“บิ๊กชอร์ต” ย้ำว่า สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมคริปโตในปัจจุบัน และบอกว่า “นี่คือปัญหา”

เบอร์รี ผู้ก่อตั้งไซออน แอสเส็ต แมเนจเมนต์ที่บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์ พาดพิงถึงบทความชิ้นหนึ่งในบลูมเบิร์กเมื่อไม่นานมานี้ที่ระบุว่า มาซาร์สระงับการทำงานทั้งหมดกับบริษัทคริปโต

เขายังเล่าว่า ในปี 2005 ตอนที่เขาเริ่มใช้ CDS ผู้ตรวจสอบของบริษัทยังอยู่ระหว่างการเรียนรู้เครื่องมือทางการเงินชนิดใหม่นี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ FTX, ไบแนนซ์ และบริษัทคริปโตอื่นๆ ในขณะนี้เช่นเดียวกัน เท่ากับว่า การตรวจสอบไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง

แม้เบอร์รีไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมใดๆ แต่แค่นี้ก็กลายเป็นระเบิดลูกใหม่โจมตีอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิตอลอย่างรุนแรง ซ้ำเติมวิกฤตความน่าเชื่อถือที่จุดชนวนจากการล้มละลายของ FTX ที่ก่อนล้มละลายเพียง 4 วัน แซม แบงก์แมน-ฟรีด ผู้ก่อตั้ง เพิ่งป่าวประกาศว่า สินทรัพย์ของบริษัทยังอยู่ดี

ทั้งนี้ วิกฤตการเงินโลกปี 2008 ซึ่งเป็นหนึ่งในหายนะทางการเงินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้เบอร์รีกลายเป็นตำนานของการท้าทายมาตรฐานการปฏิบัติในแวดวงการเงิน

ภาพยนตร์เรื่อง "The Big Short" ในปี 2015 เล่าเรื่องราวของนักลงทุนผู้นี้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในด้านการเงินและอสังหาริมทรัพย์ แต่เก็บข้อมูลวิเคราะห์เจาะลึกตลาดสินเชื่อบ้านจนแน่ใจว่า ภาคอุตสาหกรรมนี้กำลังจะกลายเป็นปราสาททราย จากการที่นักการเงินและนายแบงก์สร้างผลิตภัณฑ์พิสดารโดยอิงกับสินเชื่อบ้านที่ให้กับครัวเรือนที่เปราะบางทางการเงินและผู้กู้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ

ด้วยเหตุนี้ เบอร์รีจึงตัดสินใจชอร์ตตราสารซับไพรม์ (short หมายถึงการทำกำไรจากมูลค่าที่ลดลง) อันเป็นที่มาของสมญานาม “บิ๊กชอร์ต” โดยเขาเดิมพันว่า ตลาดสินเชื่อซับไพรม์จะล่ม ซึ่งสวนทางกับตลาดขณะนั้นที่มั่นใจเกินร้อยว่า สินเชื่อบ้านมีความมั่นคง ขณะที่ตลาดบ้านเติบโตแข็งแรง และสุดท้ายก็เกิดวิกฤตซับไพรม์ขึ้นจริงที่นำไปสู่วิกฤตการเงินโลกปี 2008 และเบอร์รีได้กำไรมหาศาล

– The Big Short เข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปี 2016 และอีก 4 สาขา แต่คว้ามาได้แค่ 1 รางวัลคือบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม
กำลังโหลดความคิดเห็น