มอร์ รีเทิร์น โต้ข้อครหาทำเกมหุ้นกดราคาขายหุ้นเพิ่มทุน PP ให้ "อมฤทธิ์" ยันเดินหน้าตามแผน
บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ออกหนังสือชี้แจงข้อซักถามของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เกี่ยวกับข้อเท็จจริงและผลกระทบจากเหตุการณ์การซื้อขายหุ้น MORE ที่ผิดปกติในช่วงวันที่ 10-11 พ.ย.65 และการชำระราคาหุ้น รวมทั้งความสมเหตุสมผลของการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด (PP) ให้กับนายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท จำนวน 300 ล้านหุ้น และการขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยอาศัยมติที่ประชุมของผู้ถือหุ้น (whitewash)
สำหรับ การกำหนดราคาขายหุ้นเพิ่มทุน PP ให้นายอมฤทธิ์ตามราคาตลาดแม้ว่าราคาหุ้นผันผวนมาตลอดนั้น เนื่องจากตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ก.ค.65 จนถึงวันที่ 11 ส.ค.ที่คณะกรรมการมีมติ ราคาหุ้น MORE อยู่ในช่วง 1.80-1.90 บาท/หุ้น และมีแนวโน้มสูงขึ้น จากข่าวที่บริษัทเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์และจัดงาน Rolling Loud ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 5 ปี ขณะที่ราคาหุ้น MORE เฉลี่ย 7 วันย้อนหลังก่อนมีมติอยู่ที่ 2.28 บาท/หุ้น คณะกรรมการจึงเห็นว่าการกำหนดราคาชัดเจนช่วงนั้นจึงไม่เหมาะสม จึงเลือกการกำหนดเสนอขายด้วยราคาตลาด
กรณีประเด็นข่าวที่ระบุว่าการที่บริษัทกำหนดราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน PP ให้นายอมฤทธิ์ด้วยราคาตลาดทำให้เกิดเหตุการณ์ในวันที่ 10-11 พ.ย.ดึงราคาหุ้นให้ต่ำลงเพื่อให้นายอมฤทธิ์ใช้สิทธิเพิ่มทุนในราคาต่ำนั้น นายอมฤทธิ์ ยืนยันว่าไม่ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่เลย ยังถือหุ้น MORE เป็นอันดับ 1 มากกว่า 1,500 ล้านหุ้น ดังนั้น ถ้าราคาหุ้นลดลง 1 บาทแม้จะใช้สิทธิซื้อหุ้น PP ได้ถูกลง 300 ล้านบาท แต่มูลค่าของหุ้นที่ถืออยู่จะลดลงมากกว่า 1,500 ล้านบาท อีกทั้งในวันเกิดเหตุการเพิ่มทุน P ก็ยังไม่ได้รับอนุมัติจากถือหุ้น จะทำให้เกิดเหตุการณ์ในเวลานี้ทำไม เพื่ออะไร เพราะไม่ได้ส่งผลดีกับตนเลยทั้งในฐานะผู้บริหารและในฐานะผู้ถือหุ้น
ขณะที่ประเด็นที่ว่าบริษัทได้รับเงินจากการใช้สิทธิแปลงสภาพ MORE-W2 แล้วสามารถนำไปใช้ลงทุนในครั้งนี้ โดยยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน PP ในช่วงที่เหตุการณ์การซื้อขายผิดปกติหุ้น MORE นี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น บริษัทมองว่า เนื่องจากมีกระแสข่าวที่แรงในด้านลบส่งผลต่อภาพลักษณ์โดยตรง กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ร่วมทุนมากพออยู่แล้ว หากยกเลิกการเพิ่มทุน PP จะยิ่งส่งผลกระทบหนักกว่าเดิม
อีกทั้งทำให้เกิดความไม่แน่นอนในแผนการร่วมลงทุนเพื่อจัดคอนเสิร์ต Rolling Loud หากมีการถอนตัวจากผู้ร่วมทุน ทำให้บริษัทฯ ต้องคืนเงินมัดจำและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งงบประมาณต้นทุนโครงการ Rolling Loud ทั้งหมดอยู่ที่ราว 899 ล้านบาท แต่จำนวนเงินที่ได้รับจากการใช้สิทธิแปลงสภาพ MORE-W2 อยู่ที่มีราว 691 ล้านบาทอาจไม่เพียงพอ หากบริษัทยกเลิกการเพิ่มทุน PP แล้วผู้ร่วมทุนเดิมถอนตัว จะทำให้หาผู้ร่วมทุนใหม่ยากขึ้นไปอีก อาจทำให้บริษัทต้องจัดคอนเสิร์ตเพียงผู้เดียว และบริษัทไม่มีแหล่งเงินทุนอื่น รวมทั้งยังมีความเสี่ยงในการถูก Rolling Loud usa ฟ้องร้อง จึงมีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน PP ต่อไปตามแผน
อย่างไรก็ดี บริษัทยังยืนยันที่จะจัดการประชุมผู้ถือหุ้นตามกำหนดเดิมในวันที่ 30 พ.ย.65 ซึ่งผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ขายหุ้นในเหตุการณ์วันที่ 10-11 พ.ย.ยังคงมีสิทธิออกเสียงหากถือหุ้นมาก่อนวัน record date แม้ว่าอาจจะทำให้การออกเสียงไม่ได้สะท้อนเสียงของผู้ถือหุ้น ณ ปัจจุบันที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไขข้อกำหนดต่างๆ ตามกฎหมายที่มีมาก่อน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัทฯ และหากบริษัทต้องกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (RD) เพื่อเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ใหม่ด้วยระยะเวลาตามข้อกฎหมาย และต้องใช้เวลาจัดเตรียมข้อมูลสารสนเทศต่างๆ จะทำให้บริษัทไม่สามารถจัดประชุมได้ทันตามกำหนดการเดิมภายในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่จากการเลื่อนแผนงานต่างๆ ที่เตรียมไว้ล่วงหน้าร่วมกับทีมงาน, สปอน์เซอร์, บริษัทร่วมทุน และเอเจนซี่ ต่างๆ
นอกจากนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทฯ เป็นอย่างมาก ทำให้เกิดประเด็นข้อสงสัยและความไม่แน่ใจในความสามารถที่จะดำเนินการโครงการคอนเสิร์ต Rolling Loud จากเจ้าของลิขสิทธิ์ หากไม่สามารถดำเนินตามแผนการจัดคอนเสิร์ตที่วางไว้ บริษัทยังคงมีความเสี่ยงที่จะโดนฟ้องร้องจากเจ้าของลิขลิทธิ์ Rolling Loud อีกด้วย